รู้จักกับ IYWC9 ได้ยังไง?

...ก่อนจะได้ไปค่าย IYWC...

IYWC คืออะไร?
IYWC ย่อมาจาก INET Young Webmaster CAMP

แล้ว IYWC มันทำอะไร?
สั้นๆเลยนะ มันคือ ค่ายทำเว็บ!

สั้นไปนะ ขอคำอธิบายมากกว่านี้หน่อยสิ?
ก็มันเป็นค่ายทำเว็บ เข้าไปเรียนรู้ทักษะ แล้วก็มี workshop (ก็รู้แค่นี้จริงๆนี่หน่า > <")




แล้วปีนี้ เค้าจัดเป็นปีที่เท่าไหร่แล้วอะ?
เป็นปีที่ 9 ละ (เลขสวยเนอะ)


แล้วรู้จักค่ายนี้ได้ยังไงอะ?
จำได้ว่าเห็นหน้าเว็บ ywc ครั้งแรก ตอนที่ กำลังหาที่ฝึกงาน (เมื่อปีที่แล้ว) เห็นว่าหน้าเว็บสีสวยดี แล้วก็เห็นว่ามันปิดรับสมัครไปแล้ว ด้วยจำนวนคนสมัครมหาศาล!!! (ถ้าเห็นก่อนมันหมดเขตรับสมัคร เราอาจจะได้เป็นรุ่น 8 ก็เป็นได้นะ)

แล้วทำไมปีนี้มาสมัครได้ล่ะ?
ไม่รู้เหมือนกันอะ ไม่มีคนรู้จักชวนด้วย ก็ประมาณว่า นั่งฝึกงานสหกิจอยู่ (เป็นสาว Office อยู่ 4 เดือนเต็ม) อยู่ดีๆก็เกิดอารมณ์ "อยากเข้าค่าย"(เพราะถ้าเวลาปกติ เรียนที่มหา'ลัย ก็ต้องหาอะไรทำอยู่ตลอดเวลา...อยู่นิ่งๆไม่เป็น) ก็เลยเปิด Google (Search Engine รายใหญ่ของประเทศไทย) เพื่อหาค่ายเล่นๆ แล้วก็มาเจอกับหน้าเว็บเขียวๆนี่อีกครั้ง แถมยังไม่หมดเขตรับสมัครด้วย!! (คือลืมไปแล้วว่ามีค่ายนี้อยู่บนโลก)

ก็เลยสมัครเลยงั้นเหรอ?
ป่าวอะ เพราะว่าเข้าไปดู สิ่งต่างๆที่ต้องส่งไปเป็น resume (online) มันต้องมี ประสบการณ์อะไรที่เกี่ยวกับด้านที่อยากเข้า แล้วก็ทำไมถึงอยากเข้า อะไรประมาณนี้ ก็เลยจดๆไว้ก่อน กะว่าจะไปทำ Profile แล้วค่อยกลับมาสมัครแล้วกัน

แล้วเลือกที่จะสมัครสาขาไหน?
ก็เค้ามีให้เลือก 4 สาขา 

  • Web Marketing
  • Web Design
  • Web Content
  • Web Programming


ด้วยความที่ตัวเองเรียน Computer Science มา ก็สมควรจะต้องเลือก Programming หรือ Design ชะมะ ถึงจะตรง concept แต่! ด้วยความที่ตัวเองเป็นคนชอบจด ชอบเขียน แล้วก็ชอบคิด ก็เลยอยากจะลองสมัครด้าน Web Content แต่!! ก็มีประเด็นอีกว่า ไม่เคยจะมีผลงานด้านนี้เลยด้วยซ้ำไป ทำไงดีล่ะทีนี้...

แต่!!! (แต่เยอะไปแล้ว)

เมื่อตัดสินใจอันแน่วแน่ได้แล้วว่าจะสมัคร Web Content ก็ต้องทำ Profile ให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาให้จงได้

หลังจากที่นอนคิด นั่งคิด ยืนคิด ตีลังกาคิด (เอ่อมมม - -") บวกกับคุยกับเพื่อนต้า (เพื่อนจากลองดีกับดีแทค รุ่นที่ 4) ที่อยากจะสมัคร Web Content เหมือนกัน แต่ก็ไม่มี Profile นอกจาก Blog น้อยๆของตัวเอง ที่ไม่ได้มีสาระอะไรเท่าไหร่ อย่าง Blog เก่าของเรา (ที่อยู่ exteen) ก็เกิดจากการที่อาจารย์ท่านหนึ่งที่สอนวิชา web tech ต้องการให้นิสิตทุกคนที่เรียนกับท่าน เขียน blog เกี่ยวกับ "ความดี" ที่ได้ทำ หรือที่ได้ประสบพบเจอ ... เอาจริงๆแล้ว มันก็เป็นเหตุผลหนึ่งเลยนะ ที่ทำให้เรามองอะไรในแง่ดีขึ้น การที่เราเลือกมองความดีของคนอื่น มันย่อมทำให้มีความสุขมากกว่ามองเห็นแต่แง่ร้ายอยู่แล้ว ต้องขอบคุณอาจารย์มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ...

กลับมาที่ ปัญหาหนักหัว ว่าจะ submit ผลงานอะไร กันต่อดีกว่าค่ะ
จะเอาเวลาอันน้อยนิดไปสร้างผลงานอะไรดี หรือต้องนั่งทำ Profile กันเป็นปี อันนี้ก็ไม่ work อย่างแน่นอน เพราะว่า คุณสมบัติของผู้สมัคร เค้ากำหนดไว้ชัดเจนมาก คือถ้าเราไม่สมัครปีนี้ ก็ไม่ต้องสมัครเลยดีกว่า เพราะว่าเราอยู่ปี 4 แล้ว...ปีสุดท้ายของการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย...


เนื่องจากเราเห็นตั้งแต่เว็บนี้เปิดรับสมัครตั้งแต่แรกๆ บวกกับความตั้งใจว่าต้องทำ Profile อะไรซักอย่าง เพื่อ submit ก็เลย ตัดสินใจเปิด Blog ใหม่ (นั่นก็คือ Blog นี้นั่นเองค่ะ)

ถ้าจะสรุปสั้นๆให้ได้ใจความก็คือ

เปิด Blog นี้ เพื่อค่าย ywc!

(เห็นความตั้งใจของเราแล้วใช่ไม๊ T T)

เนื่องด้วยระยะเวลาการรับสมัครที่ค่อนข้างยาวนาน ก็เลยมีเวลาปั่น Profile ของตัวเองนิดหน่อย

แต่ก็ยังมีประเด็นอยู่ดีว่า จะเขียนอะไรลง Blog !!? ... ทำไมการสมัครค่ายนี้ มันทำให้เราปวดหัวได้ขนาดนี้เนี่ย ห๊ะ!!!

จะเขียน IT ดีไม๊?
ไม่ได้มีประสบการณ์ขนาดนั้นอะ กลัวเขียนแล้วจะกลายเป็นทำให้เรื่องราวจริงๆผิดเพี้ยนไป แล้วก็ไม่อยากเอา Content ของคนอื่นมาใส่ใน Blog ตัวเอง เพราะถ้าจะเขียนด้านนี้จริงๆ ข้อมูลที่เอามาก็คงไม่พ้น Blognone, thumbsup, และอื่นๆอีกมากมาย แล้วจะทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร?

เขียนเรื่องที่เคยเรียน ดีไม๊?
ยอมรับกันตรงๆว่า ถ้าจะเขียนเรื่องเรียนคงต้องใช้เวลาเป็นปีในการกลั่นกรอง ว่าจะเขียนอะไรดี แล้วจะเขียนแบบไหนดี คือคำถามที่ตามมาเยอะมากอะ - -"

งั้นเขียนอะไรดีล่ะ?
หลังจากที่ หกสูง(เวอร์ตลอด) คิดๆๆๆ ก็ได้ข้อสรุปว่า

เรา(คิดว่า) เราเป็นคนที่ทำกิจกรรมมาเยอะ(มาก) ถ้าจะเริ่มเขียนจากเรื่องใกล้ตัว แถมเป็นประสบการณ์จริง ก็น่าจะดีกว่าเขียนเรื่องอื่น อย่างน้อยก็เป็นการ Share ประสบการณ์ของตัวเองให้คนอื่นได้รับรู้ แล้วเราก็อาจจะได้ข้อคิดใหม่ๆ ดีๆ กลับมาจากการอ่านของคนอื่นก็เป็นได้

เอาล่ะ เอาเรื่องนี้ก่อนเลยก็แล้วกัน!!
"ลองดีกับดีแทค โครงการนักศึกษาฝึกงานของดีแทค" 
ไหนๆก็ได้เป็นเด็กลองดี 4 มาทั้งที ถ้าจะเอาประสบการณ์ดีๆมา Share ก็คงไม่ผิดหรอก จริงไม๊?

พอเริ่มเขียนไปได้ซักพัก ก็จะเริ่มเอาประเด็นต่างๆที่พบเจอในชีวิตประจำวันมาเขียนได้ เป็นการฝึกการคิด แล้วก็กลั่นกรองคำพูดที่ดีเชียวล่ะ ^ ^

แล้วด้วยความบังเอิญที่งาน Barcamp Bangkhen #2 จัดงานก่อนหมดเขตรับสมัคร ก็เลยมี Topic ให้เขียนอีก เอาจริงๆแล้ว มันเหมือนเป็นหลักปฏิบัติของคนที่ไปงานว่าถ้ากลับมาแล้วต้องเขียนสิ่งที่ได้จากการไปงาน (ทำนองนั้นแหละ) คือถ้าไม่เขียนก็ไม่มีใครว่าไง แต่...เราอยากเขียนนี่หน่า :)

เรื่องสุดท้ายที่เขียนลง Blog ก่อนจะ Submit ไป ก็น่าจะเป็นเรื่อง Barcamp นี่แหละมั้ง...มันนานแล้วอะ แอบลืมไปบ้างอะไรบ้าง ><"

ในส่วนที่เป็น Text Area ที่เค้าให้กรอก(แบบยาวๆ) มีสองประเด็นด้วยกันคือ

ทำไมถึงอยากเข้า Web Content : 

บางทีก็คิดว่า แค่เขียนแล้วมีคนมาอ่าน ก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่พอมีคนมาอ่านจำนวนมากขึ้น ก็ทำให้รู้สึกดีมากกว่าอีก แล้วถ้าคนที่เข้ามาอ่านได้อะไรกลับไปจากการอ่านด้วยก็ยิ่งดีใหญ่ ก็เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้อยากเขียน content ที่ให้คนที่สนใจเข้ามาอ่าน ใช้เวลาอยู่กับเนื้อหาของเราไม่ว่าจะมากหรือน้อย แต่แค่ใช้เวลาอ่านเพียงนิดเดียว ก็ได้อะไรกลับไปจากการอ่านสิ่งที่เราเขียน สิ่งที่เราอยากถ่ายทอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวิชาการ เรื่องประชาสัมพันธ์ มุมมองหรือแง่คิดต่างๆ ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น หรือเกิด feed back กลับมาที่ทำให้เราได้มุมมองที่หลากหลายขึ้น และเป็นประโยชน์กับคนอื่นมากขึ้น ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ อยากเขียน content ที่ทำให้คนที่เข้ามาเกิดความประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกที่เข้ามา สามารถทำให้คนนั้นกลับเข้ามาอ่านได้อีก(เรื่องเดิมหรือเรื่องใหม่) หรืออาจนำไปสู่การ share ต่อได้ ก็เป็นเรื่องที่ดีมากค่ะ อยากมาเข้าค่ายในสาขานี้ เพราะจะได้พัฒนาทักษะการเขียนให้ดียิ่งขึ้น ทำให้เนื้อหาธรรมดามีความน่าสนใจมากขึ้น เพราะเนื้อหาเป็นสิ่งสำคัญของเว็บไซต์ ที่ทำให้คนเราตัดสินใจว่าจะเข้าไปอ่านหรือไม่ Content is King ค่ะ

ผลงานด้าน Web Content:

เอาจริงๆแล้วเป็นคนชอบจดบันทึก ชอบเขียน จดนู่นจดนี่ แต่พอเริ่มทำ blog จริงๆ แล้วต้องคิดก่อนเขียนเยอะเลยค่ะ ไม่เหมือนตอนที่จด ที่อยากจะเขียนอะไรก็เขียน ตอนนี้มีแต่ blog ที่เคยทำ คือ http://priwziest.exteen.com/แต่ตอนนี้ย้ายมาที่ http://priwziest.blogspot.com/ แล้วค่ะ สำหรับ content ล่าสุดที่เพิ่งเขียนเป็นงานเกี่ยวกับ Barcamp Bangkhen ครั้งที่ 2 เป็น entry ที่ได้รับการเปิดอ่านมากกว่า entry อื่นๆที่เคยเขียน(รู้สึกตกใจเหมือนกัน) แล้วก็เคยทำหนังสือแจกนิสิตปี1 คณะวิทยาศาสตร์ เป็นหนังสือของสโมสรนิสิตคณะวิทยาศาสตร์ปีการศึกษา 2553 (ดังไฟล์แนบ) ทำร่วมกับเพื่อนอีกคน ทั้งส่วน design และส่วน content ค่ะ

เรา Submit ไปเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2554 (คือจะหมดเขตรับสมัครอยู่แล้ว -- แต่ก็อย่างที่บอก ต้องปั่น Profile ก่อนสิ ไม่งั้นจะเอาอะไรไปให้เค้าคัดเลือกล่ะ) เป็นคนที่ 66 ของสาขา Web Content ค่ะ ^ ^

ก็ได้แต่หวังว่าเราจะผ่านเกณฑ์ที่เค้ากำหนดเอาไว้


ซึ่งถ้ามองกันตามตรง เราอาจจะไม่ติดก็เป็นได้ เพราะประสบการณ์ที่มี หาได้เกี่ยวข้องกับสาย Web Content ไม่ T T แต่ก็แอบหวังเอาไว้(ลึกๆ)ว่าเราจะได้มีสิทธิ์ไปสัมภาษณ์รอบสองน่ะ :)

อีกประเด็นหนึ่งที่ดึงดูดใจเราเป็นพิเศษ นอกจากเรื่องได้ความรู้และได้ทำ workshop แล้วก็คงเป็น เรื่องที่จะได้เจอกูรูจากสาขาต่างๆนี่แหละ


หลังจากที่เคยเจอตัวเป็นๆของ 
  • พี่เอ๋อ (@iwhale) ที่งาน Barcamp Bangkok #4 จัดที่ ม.ศรีปทุม
  • พี่ดา (@pensri) ที่ค่าย THNG ครั้งที่ 1 และ ครั้งที่ 2
  • พี่โก๋ / อ.ศุภเดช (@ripmilla) ที่งาน Barcamp Bangkhen #1 และ #2 ที่ ม.เกษตร

พี่ๆแต่ละคน นอกจากมีความเก่ง(ที่ต่างกัน)แล้ว ยังมีความเป็นกันเอง ซึ่งเรารู้สึกว่า พี่ๆน่ารักมาก ><" ด้วยความที่เป็นเด็กตัวกระจ้อย ก็คงไม่ผิดใช่ไม๊ ที่จะอยากเจอกูรูคนอื่นๆด้วย...แหะๆ

.....................................

เวลาผ่านไปซักพัก การประกาศผลรอบแรกก็ออกมาค่ะ!! (อันนี้เป็นของสาขา Web Content) นะคะ ตอนที่เห็นชื่อตัวเอง ก็ดีใจมาก และรู้สึกว่าเป็นเวลาดึกมากแล้วเหมือนกัน (คือลืมไปด้วยซ้ำว่าประกาศผลวันไหน จำได้ก็ตอนที่น้องในภาคมาบอกว่า พี่พริ้วคะ ค่ายเว็บ ประกาศผลรอบแรกแล้วนะคะ -- ถ้าจะขี้ลืมขนาดนี้ T T)


ไม่อยากจะเชื่อว่า ความพยายามและความตั้งใจของเราจะสัมฤทธิ์ผล (เวอร์จริงๆ) เราจะได้ไปสัมภาษณ์รอบสองแล้ว!! ยอมรับว่า แอบดูแผนที่บ่อยมาก เพราะไม่เคยไปตึก SM Tower เลย แต่มันก็คงไม่หายากเกินไปหรอก จริงไม๊ ^^


แต่ก่อนที่จะไปถึงวันสัมภาษณ์ ต้องเตรียมเอาผลงานไปเสนอ และที่สำคัญต้องทำการบ้านไปส่งด้วยค่ะ การบ้านของ Web Content ให้เขียน ชักชวนผู้สูงอายุ มาเรียนการใช้เว็บสำหรับผู้อาวุโส ให้จงได้


เป็นโจทย์ที่ดูเหมือนง่าย แต่ความจริงแล้วมันยากมากเลยนะ การที่จะเขียนโฆษณาอะไรออกมาซักตัว ไม่ใช่สักแต่ว่า เขียนเนื้อหาให้ครบ แต่ต้องเขียนอะไรที่น่าดึงดูดใจ แล้วก็ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายให้ได้...

ใช้เวลาคิดหลายวันเหมือนกันกว่าจะได้การบ้านชิ้นนี้ออกมา

^___________________________^

เอาไว้ entry หน้าจะมาเล่าให้ฟังนะคะว่า ทำการบ้านยังไง แล้วก็สัมภาษณ์รอบ2 เป็นยังไง ^^

To Be Continued...

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประสบการณ์ตรงกับการโดน Facebook บังคับเปลี่ยนชื่อ ทำอะไรไม่ได้นอกจาก "รอ"

สองชั่วโมง สองที่เที่ยว ด้วย เรือหางยาว เจ้าพระยา

น้องนีโม่ กับ โรคฉี่หอม