บันทึกการเดินทาง: งานเทศกาลบอลลูนนานาชาติ

26 Nov 11

และแล้วเรื่องราวก็เดินทางมาจนถึง entry สุดท้ายจนได้ (เย้ๆ) หลังจากที่กินข้าวซอยกันเสร็จเรียบร้อย ก็ไปเข้าที่พักที่โรงแรมเชียงใหม่รัตนโกสินทร์ หรือ รัตนโกสินทร์เชียงใหม่ (รู้สึกว่าเรียกได้สองแบบ เพราะว่าป้ายที่ติดมันยังเขียนไม่เหมือนกันเลย) เป็นโรงแรมที่อยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ และก่อตั้งมานานพอสมควร เหตุที่คืนสุดท้ายนี้เราเลือกพักที่โรงแรมแห่งนี้เพราะว่าอยู่ใกล้กับสถานที่จัดงานเทศกาลบอลลูนนานาชาติ ครั้งที่ 5 นั่นเองค่ะ หลังจากที่ให้พ่อกับแม่แอบงีบไปซักพัก พวกเราก็ออกมาเรียกรถสองแถวรับจ้าง(เหมา)ไปสถานที่จัดงานกันค่ะ ตกหัวละ 20 บาท (ถือว่าโอเคเนอะ)
------------

ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นนำให้่ีรู้จักกับงานเทศกาลบอลลูนนานาชาตินี้ซักหน่อยค่ะ

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย และบริษัทเอิร์ท วินด์ แอนด์ ไฟร์ จำกัด เปิดกิจกรรม "เทศกาลบอลลูนนานาชาติ ประเทศไทย" ครั้งที่ 5 ที่ลานสนามหญ้าโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย จ.เชียงใหม่ โดยมีการปล่อยหมู่บอลลูน10 ลูก จาก 5 ชาติ คือ อิตาลี เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ และไทย ขึ้นเหนือท้องฟ้าเมืองเชียงใหม่ลัดเลาะไปตามลำน้ำปิง ท่ามกลางชาวเชียงใหม่ นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศจำนวนมาก งานมีตั้งแต่วันที่ 25-27 พฤศจิกายน 2554


http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1322225482&grpid=02&catid=02

------------

แล้วรถสองแถวก็มาปล่อยเราที่หน้าโรงเรียน จากนั้นเราก็ต้องเดินแถวกันเป็นขบวนเข้าไปขึ้นสะพานลอย แล้วก็ข้ามสะพานลอย เพื่อไปเข้าประตูที่เป็นที่ขายบัตร(หรือดูบัตร ในกรณีที่ซื้อบัตรล่วงหน้าไว้แล้ว) ถือเป็นการป้องกันเล็กๆน้อย สำหรับการแอบเข้างานฟรี ค่าเข้าชมของผู้ใหญ่คนละ 50 บาทค่ะ เพื่อนบอกว่า สามารถใช้ในเช้าวันถัดไปได้ (แต่เราก็ไม่ได้ใช้ เพราะเราขี้เกียจตื่นแต่เช้านั่นเอง - -") หลังจากที่เดินมาเรื่อยๆ ก็จะเจอกับสนามจัดงาน ตอนไปถึง เริ่มมีบอลลูนได้รับการเป่าลมเข้าไปแล้วลอยอยู่ แล้วก็มีหลายลูกที่กำลังเป่าลมอยู่ ก็ต้องวิ่งหน้าตั้งไปถ่ายรูปกันหน่อย



หลังจากที่เป่าลมเข้าไปได้พอตัว ณ จุดๆหนึ่ง ก็จะทำการปล่อย gas (ไฟ) เข้าไปในบอลลูน แล้วก็ทำให้บอลลูนตั้งขึ้นมา ช่วงนี้ต้องมีคนช่วยกันยกตะกร้า (ดึงเอาไว้กับพื้น) ถ้าไม่มีคนช่วยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นสภาพแบบไหน



สำหรับการจัดงานเทศกาลบอลลูนนานาชาติครั้งนี้ มีบอลลูนเข้าร่วมงานจำนวน 12 ลูก (แต่วันที่เราไป มีแค่ 8 ลูกเท่านั้น!!!! มันหายไปไหนฟร้าาาา) ซึ่งมีมาจาก 5 ชาติด้วยกัน




จากงานเทศกาลบอลลูนครั้งนี้ได้รับกระแสตอบรับจากชาวเชียงใหม่เป็นอย่างดี (เราคิดว่าชาวไทยที่มีโอกาสได้ไปเที่ยวช่วงนั้น รวมถึงชาวต่างชาติด้วยมากกว่า อ่อ มีราชวงศ์พระองค์หนึ่งเสด็จมาชมด้วยเหมือนกัน องค์ที่ตีแบดอ่ะ) โดยส่วนตัวแล้วเราคิดว่าสถานที่จัดงานมีพื้นที่ค่อนข้างเล็ก ทำให้เกิดความหนาแน่นแออัด (แอบไม่ปลื้มนิดหน่อย)

เรามาดูกรรมวิธีการลอยของบอลลูนลูกนี้กันดีกว่าค่ะ

1.เ้ป่าลมเข้าไปในบอลลูน (เป็นพัดลมเครื่องยักษ์มาก) สังเกตจากเสื้อของฝรั่งที่เปิด เปิดเพราะแรงของ(พัด)ลมค่ะ


2. มีหลายคนช่วยกันกางปากของบอลลูนไว้ เพื่อให้ลมเข้าไปได้เยอะๆ



3. เมื่อลมเข้าไปได้ที่ ณ จุดหนึ่ง เค้า่ก็จะปิดพัดลม แล้วทีนี้นักบินบอลลูนก็จะพ่นไฟเข้าไปค่ะ(เป็นไฟที่เกิดจากแก๊ส) เค้าก็จะพ่นๆดับๆ เพราะว่าถ้าพ่นมากเกินไป บอลลูนก็อาจจะไหม้ได้


4. หลังจากที่บอลลูนเริ่มยกตัว ก็ต้องมีคนเข้ามาช่วยกันจับตะกร้าเอาไว้ค่ะ ส่วนนักบินบอลลูนก็จะเริ่มอยู่ในท่าเขย่งเกงกอย เพื่อโดดเข้าไปอยู่ในตะกร้าบอลลูนให้ทันท่วงที


5. ไม่นานนัก บอลลูนก็ตั้งขึ้นอย่างสวยงาม ซึ่งนักบินบอลลูนก็ต้องคอยพ่นไฟเข้าไปเป็นระยะๆ รู้สึกว่าต้องมีรถกระบะช่วยลากไว้ด้วยค่ะ (ไม่งั้นมันคงคุมไม่อยู่ล่ะมั้ง)


6. แล้วบอลลูนน้อยก็ตั้งขึ้นได้อย่างสวยงาม


7. แถมมีแอบลอยขึ้นไปบนฟ้าให้อิจฉาเล่นอีกต่างหาก (อิจฉาเพราะว่าขึ้นไม่ได้ T T)



ในเมื่อขึ้นไปลอยบนฟ้าไม่ได้ ก็ขอให้ได้เข้าไปอยู่ในตะกร้าซะหน่อย (เป็นผลมาจากความกระตือรือร้นของพ่อเราเอง) 

นักบิน(สาว)บอลลูนคนนี้ น่ารักมากค่ะ ><"


ชอบตรงพ่นไฟจริงๆ (โรคจิตเล็กๆ 55+)


ตัวงานจัดขึ้นในรูปแบบ “Festival of Light” เพื่อให้ผู้เข้าชมงาน ได้ชมบอลลูนควบคู่ไปกับแสงไฟยามราตรี พร้อมด้วยกิจกรรมต่างๆ เช่น

*** การปล่อยบอลลูนหมู่ขึ้นบิน (รู้สึกอันนี้ต้องมาดูตอนเช้า -- ถึงแม้เราจะอยากมาดู แต่ไม่มีใครมาด้วย ก็เลยนอนขี้เกียจอยู่โรงแรมดีกว่า)
*** การแสดงของวงโยธวาธิตที่มีฉากหลังเป็นเหล่าบอลลูน (ก็ถือว่าใช้ได้นะ แต่เราก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เพราะมันไม่ได้ตื่นตาอะไรขนาดนั้นอ่า)
*** การเปิดโอกาสให้ผู้สนใจขึ้นบอลลูนแบบผูกยึดอยู่กับที่ หรือ Balloon Tethering (ด้วยวิธีจับฉลากหางบัตร -- อันนี้เราก็ไม่มีดวงเหมือนกัน มีอันนึงใกล้เคียง แต่ก็ห่างไปประมาณ 30 กว่าเบอร์ได้!!!)


*** การแสดงพลุ (ถือว่าน้อย ถ้าเทียบกับที่เคยดูในกรุงเทพฯ)




*** การแสดงแสง สี เสียง (โดยส่วนตัวแล้วไม่ค่อยปลื้มกับการแสดงแสง สี เสียงเท่าไหร่ มันดูธรรมดามาก) 

*** การแสดงการเปิดไฟของบอลลูนประกอบเพลง (อันนี้ก็โอเคนะ เพราะไม่เคยเห็นล่ะมั้ง)


*** การออกบูธจำหน่ายสินค้า อาหาร (น้ำผึ้งแช่เย็น ขวดละ 39 บาืท อร่อยมาก!!)

http://www.manager.co.th/travel/viewnews.aspx?NewsID=9540000151677

ตอนช่วงที่เค้ามีการแสดง แล้วเราวิ่งเข้าไปไม่ถึง เพราะคนเยอะ ไม่มีที่แทรก และ "สูงไม่พอ" ก็เลยมาดูเค้าเก็บบอลลูนใส่ถังดีกว่า ต้องใช้คนหลายคนช่วยกันพับเลยล่ะค่ะ



ก่อนจะเดินออกจากงานนี้ไป ทิ้งท้ายไว้ซักสองรูปแล้วกันเนอะ


เป็นบอลลูนลูกเดียวที่ยังลอยอยู่ (ลูกอื่นเค้าเก็บลงถังหมดแล้ว)


จากนั้นครอบครัวเราก็เดินมาเรื่อยๆ ข้ามสะพาน เลาะถนนมืดๆ เข้าตลาดวโรรส(ด้านตลาดผลไม้--ขายส่ง) อ้อมไปอ้อมมา กว่าจะมาถึงโรงแรมได้ ทำเอาหิวโซ (รู้งี้เดินทางเก่าที่รถสองแถววิ่งมาดีกว่า) แต่โชคดีที่มีร้านข้าวต้มทิพรส (เ้จ้าเก่า) อยู่ใกล้ๆโรงแรม เลยทำให้พลังฟื้นขึ้นมาได้ก่อนที่จะเป็นลมตายกันเป็นแถบๆ



จบซะแล้ว... Trip อันยาวนาน 5 วัน 4 คืน (วันที่ 27 เดินทางกลับ กทม.)

^_____________________^

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประสบการณ์ตรงกับการโดน Facebook บังคับเปลี่ยนชื่อ ทำอะไรไม่ได้นอกจาก "รอ"

สองชั่วโมง สองที่เที่ยว ด้วย เรือหางยาว เจ้าพระยา

น้องนีโม่ กับ โรคฉี่หอม