บันทึกการเดินทาง: ปางอุ๋ง - หมู่บ้านรักไทย

25 Nov 11

ปางอุ๋ง ... ชื่อทีได้ยินจนติดหู
ปางอุ๋ง ... ภาพทะเลสาบงาม ริมป่าสนที่นักเดินทางกระหายใคร่สัมผัส
ปางอุ๋ง ... สวิสเซอร์แลนด์เมืองไทย
ปางอุ๋ง ... โครงการสวนป่าในพระราชดำริปางตอง 2 ในพระบรมราชินูปถัมภ์
ปางอุ๋ง ... อยู่ในเขต หมู่บ้าน รวมไทย อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน

http://www.thailandmgg.com/ภาพชวนเที่ยวไทย/ปางอุ๋ง-ทัวร์ปางอุ๋ง.html


เช้าวันนี้อากาศเย็นยะเยือกมากกกกก ตั้งนาฬิกาปลุกตอน 05.30 มาอาบน้ำ (สั่นงกๆ) แล้วก็ออกไปเดินร่อนข้างนอก เพื่อจะไปถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ณ ปางอุ๋ง แห่งนี้ค่ะ

หลังจากที่เราได้ทำการปลุกและลากสมาชิกในครอบครัวให้ไปทันพระอาทิตย์ขึ้นได้สำเร็จ (นิสัยเสียสุดๆ 55) ก็ออกเดินไปยังริมน้ำกันค่ะ

พ่อเดินไปถามเจ้าหน้าที่ว่า พระอาทิตย์ขึ้นตรงทิศไหน ก็ได้ความว่า ขึ้นหลังเขาลูกนั้น(ชี้มือไป) วันนี้ไม่น่าจะเห็นเท่าไหร่ เพราะฟ้าครึ้ม เมฆมาก (ตอบเกินที่ถาม แต่คำตอบที่เกินมาก็ทำให้สลดได้)

ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เห็นพระอาทิตย์ก็ได้ ("เชอะ" <-- งอนก้อนเมฆ)


อย่างที่บอกว่า อากาศยามเช้าก่อนพระอาทิตย์ขึ้น มันเป็นอะไรที่ "หนาว" มาก (รู้สึกดีที่ขึ้นเหนือคราวนี้ได้ใช้เสื้อกันหนาวที่เตรียมมา 55) ณ เวลานี้ หมอกเริ่มลอยมาเรื่อยๆแล้วค่ะ เป็นทางยาวๆ สวยมาก ^ ^


รู้สึกว่าการมาเที่ยวครั้งนี้ จะเห็น กอดอกบัวตองเกลื่อนกลาดมากเลยแหละ เหมือนเป็นต้นไม้ปลูกทิ้งขว้างของที่นี่ด้วยซ้ำไป (ความจริงลักษณะต้นมันก็ไม่ได้สวยอะไร เหมือนพุ่มไม้ธรรมดา เพียงแต่มันอยู่รวมกันมากๆแล้วสวยดี)


พอเริ่มมีแสงขึ้นมาหน่อย ก็มีการล่องแพ(รับจ้าง)พาล่องน้ำ ผ่านสายหมอกค่ะ (แต่เราไม่ได้ไปล่องแพนะ) เพราะว่ามัวแต่เดินไปเดินมาอยู่บนฝั่งถ่ายรูปอยู่เนี่ยแหละ 55


ปางอุ๋ง หรือที่มีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า “โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง)” นั้น เป็นโครงการในพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเห็นว่าพื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่อันตราย อยู่ติดแนวชายแดนพม่ามีกองกำลัง ต่างๆ มีการขนส่ง ปลูกพืชเสพติด รวมไปถึงการบุกรุกพื้นที่ตัดไม้ทำลายป่าอยู่เสมอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระราชินีนาถจึงมีพระราชดำริให้รวบรวมราษฎรกลุ่มน้อยบริเวณนั้น และ พัฒนาความเป็นอยู่ ส่งเสริม อาชีพปลูกป่า สร้างอ่างเก็บน้ำ โดยมีพระราชประสงค์สร้างความมั่นคงแนวชายแดน พัฒนาความเป็นอยู่ของ ราษฎร ให้ดีขึ้นและฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้สมบูรณ์ยั่งยืนตลอดไป


ปางอุ๋ง มีลักษณะเป็นพื้นที่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่บนยอดเขาสูง ริมอ่างเก็บน้ำเป็นทิวสนที่ปลูกเรียงรายกัน ปางอุ๋ง ที่หลายๆ คนอาจยังไม่เข้าใจความหมาย คำว่า “ปาง” ซึ่งหมายถึงที่พักของคนทำงานในป่า ส่วน “อุ๋ง” นั้น เป็นภาษาเหนือหมายถึงที่ลุ่มต่ำคล้ายกระทะใบใหญ่มีน้ำขังเฉอะแฉะ ก็น่าจะหมายถึงที่พักริมอ่างเก็บน้ำนี่เอง


ภาพอันสวยงามของไอหมอกเป็นสายที่ลอยเหนือน้ำกับอากาศอันเย็นยะเยือก ทำให้เราเพลิดเพลินกับการถ่่ายภาพ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มือที่กดชัตเตอร์ไร้ความรู้สึกไปแล้ว - -" 

ถ้าหมอกหนากว่านี้ และเมฆน้อยกว่านี้ น่าจะได้รูปสวยๆกว่านี้อีกมาก แต่เพียงเท่านี้ก็คุ้มค่าสำหรับการมาเยือนแล้ว และไม่แปลกใจที่ปางอุ๋ง กลาย เป็น "สวิตเซอร์แลนด์แห่งเมืองไทย" (ตามคำนิยามของคนอื่น เพราะเราไม่เคยไปสวิตเซอร์แลนด์ 55)


แม้พระอาทิตย์ขึ้น หมอกจางหายไป ก็ยังคงความสวยงามอยู่ค่ะ และอาจเป็นเพราะเราได้ที่พักของกรมอุทยาน(ที่ต้องโทรจองล่วงหน้า ต้องบอกทะเบียนรถ หรือไม่ก็ต้องมีบัตรพิเศษติดไว้ที่หน้ารถ จึงสามารถนำรถส่วนตัวเข้ามาเองได้) เลยอาจจะได้มุมที่ต่างกับภาพที่เห็นกันทั่วไป อย่างภาพศาลา อะไรแบบนี้ เพราะว่านั่นเป็นที่พักด้านนอก ต้องเดินออกไปไกล(มาก)เลยทีเดียว แบบว่า "ขี้เกียจ" ค่ะ มัน "หนาว" 55


หลังจากที่พระอาทิตย์เริ่มทอแสง อากาศก็เริ่มอุ่น (แต่ก็ยังเย็นๆอยู่นะคะ) เราก็ไปเดินดูเส้นทางศึกษาชีวิตเขียดแลว(เจอบ่อเพาะพันธุ์พ่อแม่ แต่หาตัวมันไม่เจอเลยซักกะตัว) พันธุ์กล้วยไม้(หายาก) แล้วก็หงส์สองคู่ที่อยู่ภายในนี้แหละค่ะ (อันนี้เดินไม่ไกล 55)


เดินผ่านมาเจอเข้ากับ กอดอกเสี้ยนเข้า สวยมากเลยค่า


Spider flower
(เสี้ยนฝรั่ง,คลีโอมี, ผักเสี้ยนฝรั่ง)

เสี้ยนฝรั่งมีลำต้นเป็นพุ่มสูงใหญ่ สูงประมาณ 4-5 ฟุต ใบมี 5 ใบย่อยลักษณะเป็นแฉกลึก มีหนามอยู่ด้านล่างของใบ ดอกเกาะกันเป็นช่อกลมอยู่ที่ปลายยอด ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6-8 นิ้ว ที่เห็นทั่วไปคือ สีชมพู แต่มีสีขาวและสีม่วงด้วย ดอกจะบานไล่จากข้างล่างขึ้นไป ดอกย่อยมี 4 กลีบ ดอกมีเกสรตัวเมียยาวและเกสรตัวผู้เป็นเส้นยาวมากจำนวน 6 อัน พุ่งออกจากดอก พันธุ์สีชมพูนั้น ดอกที่เพิ่งบานมีสีชมพูเข้ม เมื่อบานแล้วสีจะซีดลงจนเป็นสีขาวแล้วร่วงไป

http://www.the-than.com/FLower/Fl-1/207/207.html


เราชอบดอกเสี้ยนจังเลย ให้ตายสิ!!! ><"


จากนั้นก็เดินไปเจอกับ หงส์ขาวและหงส์ดำ อย่างละ 1 คู่ ซึ่งเป็นหงส์พระราชทานจากสมเด็จพระราชินี เจ้าหงส์ดำสองตัวว่ายมาหาใกล้ๆด้วย แล้วก็ส่งเสียงร้อง (ไม่รู้ว่ามันหิวหรือเปล่า) ส่วนเจ้าตัวขาวสองตัว ว่ายน้ำหนีไปซะไกล สงสัยว่ามันจะกลัวเรา O [] o !!


ที่ทำการของ โครงการพระราชดำริฯ ซึ่งจัดสร้างขึ้นมาเพื่อให้มีพืชพรรณที่กลมกลืนกับสภาพภูมิประเทศบนที่สูงทดแทนไร่ฝิ่นร้างแต่ดั้งเดิม 


และสร้างความกลมกลืนกับ ภูมิประเทศ เช่น อะโวคาโด พลับ สาลี่ บ๊วยอีกทั้งยังมีการตกแต่งด้วยสวนไม้ ดอกไม้ประดับเมืองหนาว เช่น กุหลาบ ไฮเดรนเยีย พวงแสด




อีกทั้งยังมีการพยายามนำพืชและสัตว์ประจำถิ่นของพื้นที่ปางอุ๋งกลับมา เช่น เอื้องแซะและกล้วยไม้ต่างๆ และสัตว์อย่างเขียดแลว เป็นต้น

http://www.paiduaykan.com/76_province/north/maehongson/pangung.html

 อันนี้เค้าเรียกกันว่า "ดอกลำโพง" นะคะ ^ ^


ส่วนอันนี้ ชื่ออะไรไม่รู้อ่ะ - -"


หลังจากที่เดินไปเดินมาจนเหนื่อย เริ่มร้อน และท้องร้อง ก็ได้เวลาอาหารเช้าแล้วค่า อาหารเช้าที่นี่ก็ต้องสั่งทำเหมือนกัน บอกจำนวนหัวไป แล้วเค้าก็จะทำ ข้าวต้มหมูสับที่ใส่เห็ดเยอะๆๆๆๆมาให้ พร้อมกับไข่ลวกค่ะ แต่ถ้าใครอยากทานอาหารจานเดียวแบบ หมูทอดกระเทียม ผัดกระเพรา อะไรแบบนี้ก็สั่งได้ค่ะ


หลังจากถ่ายรูป ลัลล้าอยู่ได้ไม่นาน...


ก็ต้องกลับเข้าไปยังบ้านพัก เพื่อเก็บของ (แต่ก็ยังแวะถ่ายรูปอยู่ดี 55)


เตรียมตัวออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไปค่ะ!!!


หลังจากออกมาจากปางอุ๋ง ก็จะเจอกับเกสท์เฮ้าส์ต่างๆด้านนอก เป็นบ้านหลังเล็กๆ น่าัรักดีค่ะ



พอมาถึงถนนเส้นหลัก เราก็เลี้ยวซ้ายที่แยก เพื่อขึ้นไปเที่ยวต่อที่ หมู่บ้านรักไทยค่ะ เป็นเส้นทางที่เลยบ้านรวมไทย(ทางเข้าปางอุ๋งนั่นเอง) ไปอีก 7 กม. (แต่ใช้เวลาเดินทางเกือบ 15 นาที เพราะว่าโค้งเยอะ แต่ถนนดีมากค่ะ)


บ้านรักไทย ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นหมู่บ้านชาวจีนยูนนานอดีตทหารจีนคณะชาติ (กองพล 93) “ก๊กมินตั๊ง”


บ้านรักไทยอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล กว่า 1,776 เมตร ทำให้พื้นที่เหมาะสมอย่างยิ่งกับการปลูกชาพันธุ์ดี และพืชเมืองหนาว ทิวทัศน์ของหมู่บ้านโอบล้อมไปด้วยทิวเขา แมกไม้ที่อุดมสมบูรณ์


บ้านรักไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อในเรื่องของชาและขาหมู่หมั่นโถว คล้ายกับดอยแม่สลอง (กองพลเดียวกัน) นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวที่แห่งนี้เพื่อดื่มด่ำกับการชิมชา และ ทานขาหมูหมั่นโถว บ้างก็หลีกหนีความวุ่นวายมาหาความเงียบสบายของบ้านรักไทยแห่งนี้


บ้านรักไทยยังมีกิจกรรมหลายอย่างไว้ให้นักท่องเที่ยวได้สนุกสนาน เช่น การเดินป่าศึกษาเส้นทางโดยมัคคุเทศน์น้อยพาเข้าไปชม "คุกดิน" และการขี่ม้าพาข้ามแดนไป ฝั่งพม่า ที่บ้านรักไทยยังมีเกสถ์เฮาส์ริมน้ำ (บ้านดิน) ไว้บริการนักท่องเที่ยวที่ต้องกับสัมผัสกับธรรมชาติแบบใกล้ ชิดอีกด้วย

http://www.paiduaykan.com/76_province/north/maehongson/banrakthai.html


แต่สงสัยว่าเราจะมาเช้ากันเกินไป จึงทำให้ร้านค้าหลายร้านยังไม่เปิด บวกกับยังไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเท่าไหร่เลยค่ะ


สุดท้ายก็ไม่ได้ชิม หมั่นโถว (ไม่เป็นไร ไปซื้อที่เยาวราชก็ได้ 55)

กระโดดขึ้นรถกันต่อค่ะ!! เดี๋ยวจะเข้าเชียงใหม่แล้วน้า ^ ^

To Be Continued

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประสบการณ์ตรงกับการโดน Facebook บังคับเปลี่ยนชื่อ ทำอะไรไม่ได้นอกจาก "รอ"

สองชั่วโมง สองที่เที่ยว ด้วย เรือหางยาว เจ้าพระยา

น้องนีโม่ กับ โรคฉี่หอม