รวมความรู้ จาก iYWC9 [2] :: กฏหมายและจริยธรรมสำหรับเว็บมาสเตอร์, สัมผัสประสบการณ์เว็บมาสเตอร์

หลังจากที่ดอง Blog เป็นเวลานานพอสมควร เนื่องจากเปิดเรียนและมีอะไรมากมายต้องทำ(มันเป็นข้ออ้างได้ไม๊นะ?) ในที่สุดเราก็รวบรวมพลังมาเขียน รวมความรู้ จาก iYWC9 [2] ต่อได้แล้วค่ะ ^ ^

สำหรับเนื้อหาในคราวนี้ ประกอบด้วย
  1. กฏหมายและจริยธรรมสำหรับเว็บมาสเตอร์
    [@jarern, @chavarong, @joomlacorner]
  2. สัมผัสประสบการณ์เว็บมาสเตอร์
    [@jiraz, @hunt, @joomlacorner, @macroart, @pawoot, @ripmilla]
เริ่มกันเลยดีกว่าเนอะ...

กฏหมายและจริยธรรมสำหรับเว็บมาสเตอร์

  • พี่เจ @jarern :: Marketing Sanook.com
    บุคคลผู้คอยตบสาระสำคัญให้เป็นภาษาที่เข้าใจง่าย (สอดแทรกความฮา)
  • พี่ป๋อง @chavarong :: กรรมการควบคุมจริยธรรม TWA
    กูรูรู้จริง เนื้อหาเน้นๆ ฟังแล้วได้ความรู้เต็มๆ (แต่ต้องเพ่งสมาธิในการฟังอย่างมาก)
  • พี่บัง @joomlacorner :: กรรมการควบคุมจริยธรรม TWA
    กูรูที่มีประสบการณ์ไม่แพ้กัน เวลาฟังต้องใช้สมาธิเหมือนกัน ห้ามสติหลุดเด็ดขาด


Law & Ethics

จริยธรรม ?
หลักประพฤติปฎิบัติ ยอมรับโดยสมัครใจ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม ไม่ใช่กฏหมาย ทำผิดก็ไม่ได้โดนจับ แต่มีเพื่อความสงบสุขเรียบร้อย

What Do What Don't
ทำโดยความสมัครใจ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคมของผู้ดูแลเว็บ

จรรยาบรรณสื่อ ?

  • จรรยา = แนวปฏิบัติที่ดี
  • บรรณ = หนังสือ

รวมๆแล้วให้ความหมายว่า "ตัวหนังสือที่เขียนจริยธรรมเอาไว้" เวลาคนเราละเมิด เราละเมิด "จริยธรรม" ไม่ใช่ "จรรยาบรรณ"

Website is Media

  1. Low Cost
  2. Online
  3. Open

การชวนคนเข้าเว็บไซต์ของเรา ทั้งๆที่จริงแล้วในเว็บของเราไม่ได้มีอะไร "ไม่ผิดกฎหมาย" แต่ "ไม่ควรทำ" ตามหลักจริยธรรม (การเสนอภาพอุจาดตา, ลามก, อนาจาร ก็ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามหลักจริยธรรมเช่นกัน)

เวลาทำข่าวก็เช่นกัน หากเราทำข่าวด้านเดียว, ทำแบบไม่มีมูลเหตุ นอกจากจะเป็นการผิดจริยธรรมแล้วยังผิดกฏหมายอีกด้วย

จริยธรรมของ Web Master

  1. ความถูกต้อง ความรับผิดชอบต่อการนำเสนอข้อมูล
  2. เคารพลิขสิทธิ์ของข้อมูลข่าวสาร
  3. การรับผิดชอบในเนื้อหาที่เสี่ยงต่อความไม่เหมาะสมต่อเยาวชน สังคม ประเทศชาติ สถาบันเบื้องสูงอันเป็นที่เคารพของประชาชนชาวไทย
  4. การรับผิดชอบต่อการให้บริการสาธารณะต่างๆ เช่น เว็บบอร์ด, กระดานซื้อขายสาธารณะ เป็นต้น
Case :
เอาภาพหลุดตั๊ก บงกช (คำพิพากษา) มา Post ลง Pantip แล้วเรื่องราวได้ดำเนินไปถึง "ตำรวจ" จนในที่สุดก็เกิดข้อตกลงว่า "เว็บบอร์ดถือเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์"  เจ้าของเว็บไซต์ต้อง "รับผิดชอบ" (แต่ปัจจุบันก็ยังมีข้อถกเถียงกันอยู่)


ความถูกต้องและความรับผิดชอบ TWA Ethics Code (ข้อ 24)
  1. ส่งเสริม และรักษาเสรีภาพการเสนอข้อมูล, ความคิดเห็น
  2. ข้อมูลไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล/พาดพิงให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หากพบเจอ ต้องรีบแก้ไขในทันที
  3. ของทุกอย่างที่อยู่บนเว็บไซต์ต้องถูกกฏหมาย ไม่ว่าจะเป็น ภาพ, วีดีโอ, เนื้อหา
  4. ไม่กระทำการก่อกวน บุกรุก ทำความเสียหาย ให้แก่เครื่องให้บริการ, network
  5. ไม่กระทำการอันเป็นการบั่นทอนเกียรติวิชาชีพ, ความสามัคคีกับเพื่อนร่วมวิชาชีพ
Case:
เปิดสนามหน้าบ้านให้เป็นสนามเด็กเล่น มีเด็กในละแวกใกล้เคียงเข้ามาเล่นเป็นจำนวนมาก ต่อมาร้านไอศครีมได้ขอมาติดป้ายโฆษณาขายของที่บริเวณดังกล่าว ทางเราก็ได้รับเงินจากการติดโฆษณานั้น อยู่มาวันหนึ่ง มีเด็กที่เข้ามาเล่นได้ปาหินไปโดนกระจกข้างบ้านแตก เราควรจะต้องรับผิดชอบหรือไม่??? (ตามหลักจริยธรรมแล้วก็ควรจะต้องรับผิดชอบ เป็นต้น)

Feature ที่(ควรจะ)ต้องมีในเว็บไซต์
  • การกรองคำ
  • การแจ้งเตือน
  • มีคนดูแลตลอดเวลา(พร้อมแก้ไข)


Hint!!

  • เวลามีกรณีพิพาทกันบนเว็บไซต์ เว็บต่างประเทศจะจัดการยากกว่า แต่ในไทยสามารถจัดการได้ เพราะว่ามีกฏหมายครอบอยู่ ซึ่ง กฏหมายดังกล่าว ครอบคลุมในกรณีที่ "ตัวเราอยู่ในประเทศ" ถ้า server อยู่ในไทย ก็โดนยกไปเลย แต่ถ้า server อยู่นอกประเทศก็อาจจะช่างมันไป (ใครจะเสียค่าเครื่องบินไปเก็บกัน)
  • ผู้บริการต้องเก็บ log อย่างน้อย 90 วัน (อันนี้เป็นกฏหมายเลยนะ)

Important ISSUE

  • Copyright = ลิขสิทธิ์ (ครอบคลุมทุก Media)
  • Porno-graphy = ภาพที่ไม่เหมาะสม
  • Libel & Internet Freedom = ขัดแย้งกับผู้อื่น
  • Hacking & Unauthorized = ขโมยมาหน้าตาเฉย
  • Spam & Forward mail = สร้างความรำคาญแบบสุดๆ

ลิขสิทธิ์เป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก ได้รับการยกเว้นในกรณีเดียวคือ "ข่าวประจำวัน"

Do

  • สร้าง content ใหม่ด้วยตัวเอง
  • ถ่ายภาพด้วยตัวเอง แต่ก็มีข้อระวังว่า สถานที่ๆถ่ายมาอาจมีลิขสิทธิ์
  • ซื้อ license หากเป็นการทำแบบ commercial

Don't

  • ลอกงานคนอื่น
  • แปลงาน Eng มาเป็น Thai แม้จะให้ Credit แล้วก็ตาม (เออะ = =")
  • Rewrite โดยที่ยังมีเค้าโครงเดิมอยู่
  • หลายเว็บมารวมกับแล้ว Rewrite แต่เจ้าของเกิดจำได้
  • เอารูปภาพของคนอื่นเค้ามา
  • icon, banner, งาน design ต่างๆ เอามาใช้โดยที่ไม่ได้มีการแจก
อยากบอกว่า ฟังหัวข้อนี่จบแล้วเกิดอาการปวดตับ ประมาณว่า นี่ชั้นทำอะไรก็ผิดใช่ไม๊เนี่ย!!!!


Content, Photo ที่มักมีปัญหา
  • Football
  • Entertainment (Celeb) -- ยกเว้นว่าเราจะได้รูปจาก PR ของ Celeb
  • Font : PSL มีลิขสิทธิ์(ที่แพงมาก), f0nt.com สามารถนำมาใช้ได้ แต่ต้องดูรายละเอียดเหมือนกันนะ
ลิขสิทธิ์เรื่องการถ่ายภาพ
เจ้าของที่เราไปถ่ายเค้ามาเค้าอนุญาตหรือไม่? เพราะถ้าเค้า "ไม่โอเค" เค้าสามารถฟ้องร้องได้ (ถ้าเค้ารู้สึกเสียหาย) และไม่ต้องพูดถึงเรื่อง "การแอบถ่าย" ยังไงก็ผิด!!!

เพราะฉะนั้นจะทำอะไรต้อง ดูสิทธิ์ ว่าเค้าให้เราทำอะไรได้บ้าง เช่น
  • ควร download จากเว็บต้นทาง (อันนี้เค้าเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยจากไวรัสมากกว่า)
  • แค่ใช้เท่านั้น หรือสามารถนำไป share ได้
  • software ฟรี อันนี้ขึ้นกับเจ้าของ ถ้าเค้าไม่เสียหายแล้วก็"โอเค" เค้าก็จะไม่ว่าอะไร
Content ที่มีความ Safety ต่อตัวเรา
  • เอาของเค้ามา 1 ย่อหน้า แล้ว See More ไปที่เว็บไซต์ของเค้าโดยตรง
  • RSS Feed
การ Review ของที่เราซื้อมา
  • ใช้งานแล้วรู้สึกอย่างไร อันนี้สามารถทำได้
  • ตัว logo ของเค้า -- ปกติมักใช้ตัวนี้ในการฟ้องร้อง
Script ฟรีที่เคยโหลดมาใช้ ตอนหลังมันไม่ฟรีแล้ว
เราสามารถใช้ได้ใน version ที่เค้าให้ฟรี และเก็บ license ที่เค้าบอกว่าให้ใช้ฟรีเอาไว้ด้วย

ประมาณว่า ถ้าเค้าอ่าน review ของเราแล้วเค้าไม่พอใจ เค้าก็สามารถหา "ช่องทาง" เล่นงานเราได้...การพูดความจริงของเรา แต่เค้าเสียหาย สามารถเป็นประเด็นฟ้องร้องได้ เสรีภาพจึงมาพร้อมกับความรับผิดชอบ เกิดเค้าฟ้องร้องเราขึ้นมาจริงๆ เราจะสามารถสู้อะไรเค้าได้หรือไม่? คำตอบคือ "ได้" หากเราได้ทำการด่าบางอย่างไป แล้วเราสามารถพิสูจน์ได้ว่าสิ่งนั้นไม่ดีจริง (ซึ่งเราว่ามันก็ยากอยู่ดี)

Case:
เอารูปภาพมาจาก Facebook ของคนอื่น แล้วมา Post ลงเว็บ A โดยไม่ได้รับอนุญาต มีคนมาแจ้ง ทางเว็บ A ก็ทำการลบเรียบร้อย (ซึ่งควรทำหลังจากที่มี Notice ภายใน 1 วัน) แต่เข้าไปดูใน Cache ของ Search Engine B ได้ (อยู่หลายวัน) ในเว็บ Aไม่มีแล้ว แต่ใน Cache ยังมีอยู่ เราต้องรับผิดชอบหรือไม่?

คำตอบคือ
ทาง Search Engine B จะเป็นคนรับผิดชอบ เพราะเราได้จัดการลบในเว็บของเราไปแล้ว ประมาณว่าดำเนินการเต็มความสามารถแล้ว (ต้องทำการแจ้งไปที่ search engine ด้วยนะ) ซึ่งที่ต้องทำคือ
  • หาหลักฐานป้องกัน และลดความเสี่ยง
  • ดูที่เจตนา หากไม่ได้ตั้งใจทำผิด ก็อาจรอดจากการฟ้องได้
ความผิดที่ตรงมาตรา 14 
ข้อมูลปลอม, เท็จ, มีผลต่อความมั่นคง, ลามก, ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้, เผยแพร่-ส่งต่อ

สรุปสั้นๆกันให้สะใจว่า
ทุกอย่างสามารถฟ้องร้องได้!!!

See Also
  • จริยธรรมไม่ใช่กฎหมาย ไม่อาจเอาผิดได้ (ยกเว้นบางส่วน) จำเป็นต้องใช้การตีความ ดูจากหลายองค์ประกอบทั้งเจตนา, ผู้ดูแลเว็บไซต์, ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์, ความเสียหายที่เกิดขึ้น
  • มีจริยธรรมที่ดี เพื่อสร้างความเชื่อถือทางสังคมให้กับเว็บไซต์ หากผู้ดูแลเว็บปฏิบัติให้สอดคล้องกับหลักจริยธรรม อันจะทำให้สังคมออนไลน์ของไทยอยู่กันอย่างสงบสุข มีการพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
  • "คิดด้วยความระมัดระวัง ทำในสิ่งที่ถูก เพื่อลดความเสี่ยง เว็บลงต่ำใต้ดินมีเยอะแล้ว" by พี่บัง

สัมผัสประสบการณ์เว็บมาสเตอร์

[พี่เอิร์ธ @jiraz, พี่ฮันท์ @hunt, พี่บัง @joomlacorner, พี่บอย @macroart, พี่ป้อม @pawoot, พี่โก๋ @ripmilla]

สำหรับหัวข้อนี้ เป็นการถาม-ตอบ โดยมีพี่โก๋เป็นพิธีกรดำเนินรายการค่ะ

Web Master ...?
  • Specialist / Professional : Programmer, Designer
  • เจ้าของกิจการ
ทำยังไง อะไร... ?
  • เริ่มต้นด้วยตัวเอง
  • Open Source
  • Pantip 3G / Community / Social media
  • Network Engineer
  • E-commerce

*เรียบเรียงคำพูดใหม่ -- จากการฟัง+จด เท่าที่จะทำได้ค่ะ หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย*

@pawoot
เมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ก็มีเว็บที่เป็นที่รู้จักอยู่ไม่กี่เว็บ เช่น Hunsa, Pantip, Sanook เวลาต่ออินเตอร์เน็ตทีนี่รู้กันทั้งบ้าน (โมเด็ม 56k นั่นเองค่ะ) ยังมีคนใช้งานน้อย ช่วงนี้แหละ เป็นช่วงที่เกิด TWA ขึ้น

@joomlacorner
เอาพี่วันชัย (ใครหว่า?) พี่บก.ลายจุด (@nuling) พี่ mthai จับมาประชุมกันให้หมด

@pawoot
เมื่อก่อนทำเว็บแต่ละทียากเย็น ต้องใช้ FrontPage, Notepad (เราก็ทันใช้ FrontPage นะ น่าจะประมาณ ม.2) หา host ก็ยาก ไม่ค่อยจะมีคนให้บริการ แถมพื้นที่ก็น้อย แถมราคายังแพงอีกต่างหาก

@ripmilla
เข้ามาในวงการอินเตอร์เน็ตกันได้อย่างไร

@pawoot
พี่จบ ถา'ปัด เริ่มเล่นอินเตอร์เน็ตจากรูปโป๊ (เออะ = =") อยากจะเข้าสู่วงการอินเตอร์เน็ตด้วยแรงอิจฉา (geocity) ก็เลยเกิดเป็น ThaiSecondHand.com

@macroart
ตัวพี่เรียน Computer Engineering ที่ KU (ห๊ะ! พี่บอยเป็นเด็กเกษตรเหมือนกันเหรอเนี่ย...แอบตกใจ 55) พอตอนปี 2 ก็ได้รู้จักกับ Pantip ตอนที่กระทู้มีอยู่ประมาณ 60 กระทู้ พอเข้าไปเล่นแล้วเจอกับ Bot Flood ทำให้ระบบล่ม ก็เลยเขียน Program (ดัก Loop) แล้วส่งไปให้ webmaster ของทาง Pantip (พี่บัญชา) หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน พี่เค้าก็นัดให้ไป meeting แล้วก็ให้ช่วยทำเว็บ แต่พี่เค้าบอกว่า "ไม่มีเงินให้" นะ พี่ก็เข้าไปช่วยด้าน system ในยุคนั้น มีคนเข้าเว็บอยู่ประมาณพันคน Guest Book ที่ถูกเขียนด้วยภาษา perl พอทำเป็นเว็บบอร์ดแล้วคนเข้าเยอะก็เริ่มไม่ไหว ... ต่อมาได้รับการสนับสนุนจาก INET ให้เช่า host พี่ก็เลย Dev แก้ไขมาเรื่อยๆ

@joomlacorner
พี่เป็นอาสากู้ภัย กตัญญู เริ่มทำเว็บเพื่อช่วยเรื่องพวกนี้ ไม่เคยได้เงิน กล้องก็แพง (แผ่นดิสก์), ออกไปถ่ายภาพ, แล้วก็มีจัด event เอาเสื้อผ้า-ผ้าห่มไปแจกช่วงหน้าหนาวเนี่ยแหละ ที่ได้มาพันกว่าผืน (จัดงานโคกับ Siam Square) เมื่อก่อนพี่ใช้ netscape ต่อมาก็เป็น mambo ทำแล้วแบ่งปันลงใน mambo hub ทำ iframe ครอบ flash เป็นนาฬิกา ได้เอาไปแจกที่เว็บของเมืองนอกด้วย

@macroart
ทำให้ pantip เกิด... (อันนี้พี่เค้าพูดเรื่องอะไรหว่า ลืม T T)


@joomlacorner
พี่ก็เปิดอบรม PostNook (CMS รุ่นเก่า) ที่สมาคมเว็บไทย ตอนนั้นคอร์ส 2,500 บาท ต่อมาก็เลยกลายเป็น standard price ของการอบรม opensource จำนวน 1 วัน แต่เนื่องจากลูกค้าก็ทำไม่เป็น พี่ก็เลยเปิดบริษัท รับ implement, extension จนในที่สุดก็ออกจากบริษัทเก่าออกมาทำงานของตัวเอง ช่วยลดระยะเวลาการพัฒนาจากศูนย์ ถ้าหากมี community อยู่กับต่างประเทศด้วยแล้วจะทำให้เว็บไซต์โตได้ไม่จำกัด 

@hunt
พี่อยากเป็น graphic designer แต่ก็เกิดปัญหาว่าในตลาดไม่มี programmer ต่อมาพี่ก็ได้เจอกับหญิงสาวคนหนึ่ง ก็อยากจะจีบเค้า เลยคิด form อันนึง มี api อันนึงที่มันอยู่กับ browser แล้วก็มีลักษณะคล้าย word ก็เลยเปิดมาเป็น diaryhub ให้เค้าเขียน แล้วเค้าก็บอกว่าเขียนคนเดียวไม่สนุก พี่ก็เลยเปิดเป็น public เอา server ไปฝากใครเค้า เค้าก็ล่ม วันนึงก็ได้ไปเจอกับไอเดียของ พี่โหน่ง Aday เก็บตังค์สมาชิก ก็เลยเลียนแบบเค้าบ้าง เก็บค่าสมาชิก 200 บาท/เดือน/คน ก็ตกเดือนละประมาณ 300,000/เดือน (หารครึ่งแล้ว) ตอนอายุ 17 (จะเมพไปปะคะพี่!!!) แล้วพี่ก็ไปช่วยคนอื่นทำงาน ได้ค่าตอบแทนแค่ 40,000 จากงานที่มีมูลค่า 2.5 ล้าน (ไปแอบเห็นตัวเลขจริงมา) ก็เลยเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิต ประมาณว่าเรามีค่าเท่านี้เองเรอะ?

@jiraz
เข้า ywc ด้วยสาขา designer, ชมรมเว็บไทย, ชมรมผู้ดูแลเว็บไทย, งานเว็บต่างๆ ก็ทำงานฟรีนะ แต่ก็ได้เจอคนดังๆ พวกแนวหน้าของวงการเว็บไซต์ พี่ก็ลองทำนู่นทำนี่ขาย ก็เจ๊งบ้างอะไรบ้าง แต่มันก็ทำให้มีเทคนิคมากขึ้น ก็เลยลองสาย marketing ด้วย ... งาน volunteer ก็ทำให้เรารู้จักคนดีๆ คนใหญ่คนโตพอสมควร ทำให้งานเริ่มไหลมาเรื่อยๆ (ประมาณว่าในที่สุดก็มีงานที่ได้เงินเข้ามา)


@ripmilla
การเติบโต ?

@pawoot
เริ่มจาก ThaiSecondHand ก็ทำเว็บมา ชินคอร์ปเกือบซื้อไปแล้วด้วยราคา 1 ล้านบาท! แต่เค้าก็ไม่ซื้อ (อ้าว...) พอเค้าไม่ซื้อ ก็เลยไปขอเค้าทำงาน ได้เจอ @siwat ที่ตึกชินคอร์ปด้วย
พอเสนองานแล้ว fail ก็มีพี่คนหนึ่งมาช่วยสอนแผนธุรกิจให้ ได้เจอกับฝรั่งคนหนึ่ง มาเสนอเงิน 1 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 40 ล้านบาทไทย) ให้ช่วยทำแผนการใช้เงินให้หน่อย แต่พี่ก็ทำไม่เป็น ก็เลยคืนเค้าไป (เออะ!!! = =") แล้วพี่ก็ได้เจอกับ jasmine telecom ด้วย

@macroart
หลังจากมีหลายบริษัทมาขอซื้อ Pantip แต่ก็ไม่ได้ขายไป สุดท้ายก็มาโอเคกับ Nation ให้ทาง Nation ขายโฆษณาให้เรา เพราะเรา
  • ขายไม่เป็น ทำให้ขายไม่ได้
  • Nation ช่วยให้เงินตั้งต้นในการเปิด office 15 คน
  • เราก็เริ่ม focus ที่งาน dev
  • ขยายงานจาก user เป็นหลัก
  • service แรกของ Pantip คือ Classify (ขายของ) : Bloggang, Pantown, Pantip Market
Pantip 3G ก็จะปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเก่า...

@joomlacorner
หลังจากที่เปิดบริษัทแล้วก็มีการเปิดอบรมที่ตึกชินคอร์ป เดือนละครั้ง ก็เต็มทุกรุ่นนะ มีกันอยู่ 3 คน ไม่มี office ไปขอคนที่ KPN เค้าก็ให้มา 300,000 แล้วก็ให้ใช้พื้นที่ห้องเค้า ทำงานกัน 3 คนแบบ full time ทำ run & implement งานไป ... งานชิ้นละ 3 ล้าน ได้มา 3 ชิ้น ก็เริ่มมี product มีผู้เรียนมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นเราก็ได้ออกมาทำห้อง training เอง แล้วก็พัฒนามาเรื่อยๆ งาน implement ก็ค่อยๆลดลง เป็นการยอมตัดเส้นเลือดใหญ่ เพื่อทำงานที่อยากทำ

@hunt
หลังจากที่อำนาจต่อรองขึ้นกับทีมและบริษัท พี่ก็เลยเปิดบริษัทขึ้นมา มีกันอยู่ 7 คน ใครจ่ายหนักก็ทำของคนนั้น ไม่ค่อยใส่ใจลูกค้า ผ่านไป 1 เดือนก็เริ่มเหนื่อย แล้วก็เจ๊ง ทำงานเหนื่อยเหมือนตอนทำ freelance เลย จนสุดท้ายแล้ว ตอนนี้มี Webiz ซึ่งเป็น Partner กับ Google (GoOnline นั่นเอง) เอา Google ค้ำ ทำเว็บไซต์ง่ายๆ หา partnership ไปเรื่อยๆ พวกลูกค้าคนใหญ่ๆ แล้วก็คบกันนานๆ โอกาสไม่มีก็ต้องสร้างเอง

@ripmilla
พี่กระทิง เคยทำ marketing ของ Google เดิมเป็น sale ขายของ p&g สุดท้ายก็เก็บเงินไปเรียน Stanford แล้วก็เข้าทำงานใน Google

@hunt
Dream High, Fight Hard, Never Give up

@jiraz
เริ่มขายของด้วยตัวเอง เริ่มเป็นการตลาดมากขึ้น ไปทำงานที่สนามบิน (ช่วยดู OS) แล้วก็ทำงานกับหลายบริษัท เมื่อสิบปีที่แล้วรับทำงานราคา 8,000 บาท ค่อยๆสะสม connection โดยการเข้าทางผู้ใหญ่ ไม่นานก็ได้งานเพิ่มจาก BB, สิงห์ ความรู้ที่ได้อาจจะไม่มาก แต่ก็ได้ connection กลับมา ให้ keep friend เอาไว้

@pawoot
จับกลุ่มกันไว้ พยายามเข้าหาพี่ๆ ปีหน้าก็พยายามมาเป็น staff เรียนรู้ แล้วหาจุดยืนของตัวเองให้เจอ

@ripmilla
พรุ่งนี้คือ "This is the best in 1 day" เตรียม Q&A ให้พร้อมและสู้ตาย!


จบลงอีก 1 entry แบบเบาๆ ด้วยเวลาประมาณ 4 ชั่วโมงเท่านั้นเองค่ะ... >.<" ขอขอบคุณพี่ๆที่มาให้ความรู้ในวันงาน ประสบการณ์ของพี่ๆทำให้เกิด entry นี้ขึ้นมาได้ค่ะ -/\-

สำหรับ รวมความรู้ จาก iYWC9 [3] จะเป็นเรื่องของ ความรู้ที่ได้จากการเข้าตามสาขา (Web Content) ค่ะ

อดใจรอกันนิดนึงนะคะ ^ ^

ขอขอบคุณ Max Maxar สำหรับภาพประกอบที่อยู่ใน Entry นี้ค่ะ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประสบการณ์ตรงกับการโดน Facebook บังคับเปลี่ยนชื่อ ทำอะไรไม่ได้นอกจาก "รอ"

สองชั่วโมง สองที่เที่ยว ด้วย เรือหางยาว เจ้าพระยา

น้องนีโม่ กับ โรคฉี่หอม