#CreativeTalk6 'The One Behind The Scene' เพราะทุกงานล้วนมีคนเบื้องหลัง


ไปแอ่วงาน Creative Talk (6) มาอีกครั้ง กับตอนที่มีชื่อว่า The One Behind The Scene แน่นอนว่าครั้งนี้ ต้องผ่านการลงสนามรบแย่งชิง Ticket เวลา 07.00 น. (วันที่ 31 พ.ค. 2559) อีกเช่นเคย ด้วยความที่มีประสบการณ์จากครั้งที่แล้ว ครั้งนี้บอกเลยว่า "ลุ้น" และ "ตื่นเต้น" เหมือนเดิม 555+ เนื่องจากครั้งนี้มีการ Limit จำนวน Ticket ต่อคนไว้ที่ 2 ก็เลยหมดช้ากว่าคราวที่แล้ว

ถึงแม้เราจะลงเสร็จตั้งแต่นาทีแรก แต่ด้วยความที่อยากรู้ด้วยว่ามันจะเต็มเมื่อไหร่ ก็เลย Refresh ดูเรื่อยๆ พบว่า 15 นาทีแรก มันบอกว่า "หมด" แต่สักพัก ก็เปิดให้ลงใหม่ แล้วก็หมดจริงๆ ตอนประมาณ 36 นาที #นั่งดูขนาดนี้ไปแข่งแฟนพันธุ์แท้เลยไม๊

ตัดภาพมาวันเสาร์ที่ 11 มิ.ย. 2559

ครั้งนี้เปิดให้ลงทะเบียน 12.00 น. สถานที่คือ หอศิลป์ ตรงข้าม MBK เช่นเคย เรามาถึงตอนประมาณ 12.30 น. เอา QR Code ให้เค้า Scan เสร็จแล้วก็จะได้กระดาษกำหนดการมาพร้อมกับ Sticker กลมๆ ให้แปะเพื่อเข้างาน

ที่พิเศษครั้งนี้คือ มีข้าวหน้าไก่ (จาก ClaimDi) และน้ำดื่ม Sprinkle ให้กินก่อนเข้างานด้วย แฮ่


ระหว่างนั่งรอเวลา 13.00 น. ก็มีเปิดคลิปการบุกบ้าน Jeban ต่อด้วย โฆษณาบัวหลวง m alert, moleskine และจัดงานโดย RGB72


จากนั้นก็เป็นคลิป Introduce Speaker และขอบคุณ Sponsor ไม่อยากจะบอกว่า mood & tone ของงานนี้ ให้อารมณ์เหมือนจะดูหนัง Harry Potter มาก #ขอไม้กวาดบินได้หน่อยค่ะ

พอจบพี่เก่งก็มากล่าวทักทาย Say Hi เล่าประวัติความเป็นมา และกล่าวถึง Concept "ฟรี และ ดี" ที่เริ่มมาปีกว่า ขอบคุณผู้ไม่ประสงค์ออกนามที่สนับสนุนเงินจัดงานกว่าครึ่งแสน #ปรบมือสิคะรออะไร อธิบายเร็วๆ ว่า Speaker ครั้งนี้มีใครบ้าง พวกเค้าทำอะไรกัน


แล้วก็มี Surprise แจกตั๋วหนัง (เหมือนคราวก่อน) จำนวน 200 ใบ เหยยยยยยย ครั้งนี้ก็ไม่ได้เช็คที่นั่งนะ แต่ได้ด้วย! ดูจากทรงแล้วครั้งนี้แปะกระจายกว่าคราวที่แล้ว เพราะทั้งแถว K เหมือนจะมีเราได้คนเดียว รู้สึกมีดวงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก 555+


มีของแจกจาก Jeban ด้วย เป็นถุงผ้าแล้วก็มีของอยู่ในถุง 5 คำถาม กับผู้โชคดี 5 คน
  1. นึกถึง Jeban ต้องนึกถึงอะไร - makeup, review, beauty บลาๆ อันนี้ไม่ยาก 
  2. Jeban Slogan คืออะไร - Makeup is magic นี่ขนาดเคยเข้า ยังไม่รู้เลย -__-
  3. ใครมีเครื่องสำอางที่ถูกที่สุดอยู่ในกระเป๋าตอนนี้ - คนที่ได้ไป พกสีผึ้งเภสัช 12 บาท อันที่จริงเราก็มีลิปมันของ bsc (ฟรี) นะ แต่ไม่กล้ายก เกรงใจ 55+
  4. ใครพกลิปสติกในกระเป๋ามากที่สุด - คนที่ได้คือ 4 แท่ง (คุณปู Speaker) อันนี้ยอมแพ้ตั้งแต่ได้ยินคำถามละ #บาย
  5. แข่งกันที่ความเร็ว ให้คุณผู้ชายยกมือ เอาไปฝากแฟน - คนที่ได้เป็นคุณผู้ชายที่ยกมือและลุกขึ้นยืน #สมเป็นราชสีห์ของกวางน้อยจริงๆ ฮะ

ขอบคุณ Sponsor อีกครั้ง
  • SME social planet
  • ascend capital + egg digital
  • moleskine
  • Fire one one
  • GM, GM biz
สำหรับงานนี้มี hashtag ว่า #CreativeTalk6
และเช่นเคยกับน้อง(ฝึกงาน) ยกโต๊ะและโซฟา มีเวลาให้ 45 วินาที


เริ่ม Session แรกกันเลยดีกว่า

แนะนำตัวกันหน่อย

คุณเสกข์ (Youtube: toolmorrow Facebook: Toolmorrow) พี่เก่งบอกว่า ทุกคนรู้จักจากคลิปเจี๊ยวเล็ก (แต่เราไม่เคยดูอ่ะ) เนื่องด้วยคลิปมัน rate 28+ ก็เลยไม่เปิดให้ดูในงาน แต่เปิด คลิปแสบตูด ให้ดูแทน ส่วนหมอแล็บแพนด้า (Facebook: หมอแล็บแพนด้า) ผลงานล่าสุดก็จะเป็น จดหมายถึงจิ๋ม 

คุณเสกข์
  • ที่ทำ toolmorrow ขึ้นมา เพราะอยากเปลี่ยนแปลงทัศนคติที่ไม่ดีบางอย่างของเยาวชน/วัยรุ่น ก็เลยทำเป็นรายการทีวีออนไลน์ เรียกได้ว่าเป็นธุรกิจเพื่อสังคม แน่นอนว่ารายการเรามี Sponsor 
  • ดูจุดแข็ง ดู insight ของตัวเอง เราเคยผิดพลาดอะไร
  • ความเชื่อผิดๆ เปรียบเสมือนหลุมดำ ที่ดูดเราลงไป ถ้ารอดมาได้ก็โชคดี
  • ผมเคยเป็นเด็กมัธยมที่ครอบครัวไม่อบอุ่นเท่าไหร่ แล้วก็ไปคบเพื่อนที่ไม่ถูกต้อง ไม่เรียน ไปอยู่ตามห้าง โชคดีที่กลับมาเข้ารูปเข้ารอยได้ ก็เลยคิดทำ toolmorrow 
  • Focus ในสิ่งที่เรามี insight สิ่งที่เรารู้อยู่แล้วว่าถ้าคุณเริ่มเดิน 1 ขั้นที่ 2 3 คุณจะเจออะไร
หมอแล็บ
  • เป็นนักเทคนิคการแพทย์ เปิดเพจเพราะอยากให้คนรู้ว่าเราทำอะไร สร้างการรับรู้ อยากมีตัวตน
  • จุดเริ่มต้นคือ ถ่ายรูปห้องแล็บ ถ่ายการทำงานของเรา ตอนแรกเป็นเชิงวิชาการ คนไม่เข้าใจ คนที่มา Like ตอนแรก เป็นคนประเภทเดียวกัน
  • ต้องบอกก่อนว่าตอนนั้นครูแนะแนวบอกเราว่า นักเทคนิคการแพทย์คือซ่อมเครื่องมือแพทย์ เราอยากทำหุ่นยนต์ ก็เลยมาเรียน (ทั้งๆ ที่ความจริงมันไม่ได้ซ่อม)
  • จุดเปลี่ยนของเพจที่ทำให้คนรู้จักมากขึ้นคือ ให้ความรู้เรื่องการให้เลือด (ในละครไทยจะจิ้มต่อกันได้หน้าตาเฉย) นอนให้เลือดกันแบบนั้น ในโลกนี้มันไม่มี พอคนแชร์เยอะๆ เราก็มานั่งวิเคราะห์ สรุปว่า ต้องพูดเรื่องง่ายๆ อ่านแล้วรู้เรื่อง เข้าถึงคนทั่วไป
  • ส่วนเรื่องตาดำ อันนี้มาจากการอยู่เวร ถ่ายรูปทีไรก็ตาดำ พอวันไหนนอนพอ หน้าใส ตาไม่ดำ ลูกเพจก็มาทักว่าทำไมตาไม่ดำ สุดท้ายก็เลยตาดำซะเลย (ด้วย Photoshop)
  • เพจนี้ทำคนเดียว ผมมองว่าคนทำเพจจะไม่ค่อยอยู่นิ่ง "ทำหลายๆ อย่าง สะสมวัตถุดิบไป เราไม่รู้หรอกว่า เมื่อไหร่จะได้เอามาใช้" เรียนรู้อะไรได้ เรียนรู้ไปเลย และคิดแบบ "ไร้กรอบ" เพราะถ้าคิดนอกกรอบ อาจจะเจอกรอบที่รออยู่ข้างนอกอีก

มีทีมงาน ปัญหาอะไร มีเทคนิคการทำ Content อย่างไร มองอนาคตว่าจะเป็นยังไง

คุณเสกข์
  • ตอนถ่ายทำมีทีมงาน 3-4 คน (กองแอบถ่าย)
  • เวลาจะเล่นอะไร ต้องขออนุญาตผู้ใหญ่อย่างน้อย 1 คน เช่นคลิปแสบตูด น้องที่เป็นตัวหลักกับคุณแม่รู้เรื่อง แต่คุณพ่อไม่รู้
  • รับสมัครนักแสดงจากลูกเพจเนี่ยแหละ ดู character ให้ส่งคลิปแนะนำตัวเข้ามาคัด พวกเราก็พยากรณ์ว่าพ่อแม่จะเป็นคนยังไงจากการดูลูก
  • เบื้องหลังการถ่ายทำ จะมีเฉลยทุกครั้ง
  • บางคลิปก็มีปัญหาที่คาดไม่ถึง เช่น เทศกิจจะจับ วินมอไซค์จะต่อย
หมอแล็บ
  • ตอนนี้ที่มีข่าวขายของทางอินเตอร์เน็ต อันตราย เสียชีวิตได้ เราอยาก educate ความรู้พวกนี้
  • การฉีดกลูต้าไธโอน ทำให้ขาวได้จริง แต่ไม่ใช่เอาไปฉีดกันเอง ผิดหลักการแพทย์ 
  • การกินกลูต้า (สมมติมีสารประกอบ A B C) พอกินเข้าไป มันก็ย่อย แตกสารออกมาเป็น กรดอะมิโน ไม่ได้ช่วยให้ขาว
  • ถ้าทาแล้วลอก อันนี้เป็นกรดชนิดรุนแรง
  • ผิวเข้มดีกว่าขาวตรงที่ ป้องกัน UV ป้องกันมะเร็งผิวได้ดีกว่าด้วยซ้ำ
  • ผมจะใช้มือถือจดโน้ต คิดอะไรได้ก็จด มีมุขก็สะสมไว้ 
  • ความคิดสร้างสรรค์ เกิดจาก ความเชื่อมโยง เอากลอน ความรู้ ความฮา กระแสสังคมมารวมกันได้ สิ่งที่ไม่น่าจะเหมือนกัน เอามารวมกันได้ มันก็เหมือนการโฆษณาที่เชื่อมโยงตัวเองเข้ากับ Product ถ้าคิดการเชื่อมโยงพวกนี้ได้ เกิดการแชร์แน่นอน
คุณเสกข์
  • มีสามข้อที่ต้องจำคือ เรียบง่าย เข้าใจง่าย คาดไม่ถึง
  • เป็นประโยชน์ (ที่ทุกคนเคยเจอมา) อยากให้คนอื่นเห็น เป็น solution ที่ work 
  • ผมมองว่าการประสบความสำเร็จของ Content คือ Comment (คุณภาพ เช่น ระบายความในใจ) และ Share ไม่วัด Like เพราะมันซื้อกันได้
  • มีการถอดบทเรียนว่าคลิปไหน Success หรือ Fail เพราะอะไรเสมอ
หมอแล็บ
  • คิดว่าอนาคตจะร้องเพลงให้ความรู้ (แล้วก็ร้องเพลงแร็พให้ฟังนิดนึง) 
  • ต้องมี Connection อย่างผมจะอยู่ใน Facebook Group (Close Group) 2 อัน คือ แอดมินหลักแสนล้าน กับ กลุ่มหมอ (อันหลังมีไว้ช่วยกันเช็คข้อมูล กันเงิบ) เช่น น้ำตบช่วยสร้าง DNA ก็วิเคราะห์กันแล้วว่ามัน "ไม่จริง" ทีนี้ก็เป็นหน้าที่ของแต่ละเพจแล้วว่าจะไปอธิบายตามสไตล์ตัวเองยังไง
  • มี message มาด่า/ขู่ฆ่า พ่อแม่ผมเคยเตือนให้ระวัง แต่ตอนนี้ไม่เตือนแล้ว เพราะเห็นว่าทำเรื่องที่ดี พอเค้ามาด่า เราก็อธิบายกลับไป บางคนก็ฟังนะ แล้วก็เลิกขาย แต่เป็นส่วนน้อยมาก
คุณเสกข์
  • คลิปเด็กช่าง ตอนปล่อยออกไป มีรุ่นใหญ่บอกว่า จะมาเอาหัวเข็มขัดคืน แต่สุดท้ายก็คุยกันได้
  • ส่วนมากจะมาด่าใน comment มากกว่า 
  • แล้วก็เป็นเด็ก message มาขอคำปรึกษา ซึ่งถ้าเราไม่มั่นใจ จะส่งต่อให้นักจิตวิทยา การแนะนำอะไรผิดๆ มันคือชีวิตเค้าเลย นอกจากเด็ก ก็มี พ่อ แม่ ครู มาระบายเหมือนกัน ส่วนมากจะชื่นชมประเด็นที่เราทำ 
  • ก่อนจะทำประเด็นอะไร จะมีการไตร่ตรองก่อนว่าสังคมจะตีกลับยังไง การคิดไม่ครบลูป มักก่อให้เกิดผลเสีย เช่น คลิปการแซงคิวสื่อถึงเรื่องคอร์รัปชั่น (คอร์รัปชั่นเกิดขึ้น เพราะเรายอมให้มันเกิด) ก็โดนตีกลับว่า ดูถูกน้ำใจคนไทยได้ยังไง
หมอแล็บ
  • ทำแฟนเพจมา 3 ปี ทำวันต่อวัน สุกเอาเผากิน อยากให้ความรู้ประชาชน เอากระแสสังคมมาคุย พยายามจะให้ความรู้ไปเรื่อยๆ เอาจริงๆ ตอบ inbox ไม่ทันแล้ว 
คุณเสกข์
  • ทำแฟนเพจมา 1 ปี มีคน message มาขอดูหน้าแอดมิน (เข้าใจว่าเป็นเด็กมหาลัย) อยากให้เยาวชนทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคม สร้างทัศนคติที่ถูกต้อง ปัจจุบันพ่อแม่ลูกมีเวลาให้กันน้อยลง คุยกันน้อยลง ลูกไปปรึกษาเพื่อน (เก็บความลับไม่ได้, คุยเฉยๆ) ไปดูจากอินเตอร์เน็ต (มีข้อมูลล้นทะลัก อะไรดี ไม่ดีก็ไม่รู้) อยากช่วยลดพฤติกรรมเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น จากการที่เค้าไปลองผิดลองถูกเอง

ฝากอะไรกันหน่อย

คุณเสกข์
  • หลายคนที่กำลังจะมีลูก อยากให้เข้าใจเด็ก โดยเฉพาะช่วงมัธยม อยากให้พ่อแม่แบ่งเวลาให้เป็น เข้าใจเค้ามากขึ้น ห้ามเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง พ่อแม่ควรเป็นแหล่งข้อมูลอันดับหนึ่งของลูก
หมอแล็บ
  • ทำอะไรหลายๆ อย่าง ทำเป็นเยอะๆ หัดทำไปเรื่อยๆ หาอะไรใหม่ๆ อย่าหยุดนิ่ง อย่าคิดว่าเราทำไม่ได้ "เราทำได้" โดยเฉพาะสิ่งยากๆ ที่เราไม่เคยทำ
  • คิดเป็นวิทยาศาสตร์ให้มาก (อย่าไสยศาสตร์) สงสัย ตั้งคำถาม ว่าจริงไม๊ แล้วไปหาคำตอบ รู้จักคิด วิเคราะห์ แยกแยะ
ปล. 2 ท่านนี้อายุเท่ากัน


  • ที่มาของงาน Startup Thailand คือ ท่านรองนายกสมคิด สั่งมาทางกระทรวงวิทย์ฯ 1 เดือนก่อนจัดงาน ต้องเป็นการเปิดตัวที่แสดงให้เห็นว่าเราพร้อมสำหรับโลกนี้
  • "คนพอไหม" ที่ office มีคน 36 คนกับอีกหลายหน่วยงาน เราจะตอบอะไรได้ นอกจาก "พร้อมครับ"
  • Startup ไม่ใช่ SME มีจริต มีวัฒนธรรม วิธีการคิดไม่เหมือนกัน 
  • Startup ตื่นสายกว่า SME ตอนแรกนัดประชุม 9AM ไม่มีใครมาเลย พอนัด 6PM มากันเพียบ
  • มองว่าเป็นการเปิดตัวภาครัฐมากกว่า
  • พอจบงานมีคนถามถึง 2017 แล้ว
  • ดร.ก้อง (อดีตพนง. True) เพิ่งย้ายมาอยู่ภาครัฐได้ 3 เดือน - รมต.กระทรวงวิทย์ฯ นัดผม กับพี่โบ้ท ไผท เข้าไปประชุมใหญ่ แล้วก็เรียกคุยแยก 19 Jan บอกว่าอยากจัดงาน Startup Expo 4 วัน 3 คืน แวบแรกที่เราคิดคือ จะรอดไม๊ เพราะปกติจัดงานพวกนี้ คนเดินจะเป็นคนในวงการ ก็เลยโทรหา พี่เก่ง พี่โจ้ การได้ทำงานนี้ ทำให้รู้ว่า ภาครัฐไทยยังไม่ถึงขั้นหมดหวัง มีคนคุยรู้เรื่องอยู่ จึงตัดสินใจมาทำงานภาครัฐ เอกชนเกิดการตื่นตัว (ตื่นรู้ไม๊นี่ไม่รู้) พอเงินไม่พอ ก็ไถบริษัทตัวเอง (True)
  • พี่เก่ง - พี่โค้กโทรมาคุยว่าเป็น once in a lifetime เลยนะ เข้าไปประชุม เจอ 20 ตัวย่อ น้องที่จดบันทึกการประชุมมา มี "คสช" มาด้วย เจอภาครัฐที่คนละแนวกว่าที่คิด เปลี่ยน mindset กับภาครัฐ
  • คุณปู (สวทช.) แม่งานด้านประชาสัมพันธ์ - รู้ตัวล่วงหน้าประมาณหนึ่งเดือน ตั้งไข่ตอนประมาณวันจักรี ตอนที่เรามาทำไม่รู้ด้วยซ้ำว่า Startup คืออะไร NECTEC อาจจะรู้ แต่หลายคนไม่รู้ ก็ต้องไปรู้ให้ได้ โดยการถามเอาจากพี่เก่ง พี่โจ้ เราทำงานด้วยกัน Play as a team 
    • SME เป็น startup ได้ แต่ SME จริงๆ ไม่ใช่ มันมีการ Repeatability ได้หรือเปล่า
    • เราเลือกใช้ Hero ในกลุ่ม Startup เนี่ยแหละ เช่น Ookbee, ClaimDi, ... ทำคลิปสัมภาษณ์คนพวกนี้ เชิญชวนคนมางาน
    • ขอบคุณ Hubba สำหรับสถานที่ถ่ายทำ
    • คลิปลง BTS, MRT, Digital Billboard ที่สยาม เพราะ target เราคือ อายุ 20-30 ปี 
    • ช่องโทรทัศน์ ก็เอาโฆษณาไปลง Social Network และ Media อื่นๆ ก็ไม่พลาด
    • พอเห็นบ่อยๆ ได้ยินบ่อยๆ จะเกิดความ อยากรู้ อยากเห็น
  • Concept งานดี มีหลายส่วน ทั้ง speaker, discuss, mentor, exhibition, ... บางคนบอกว่างานจัดดีกว่าที่ต่างประเทศอีก 
  • อย่าหวงข้อมูล ทำความเข้าใจกับสิ่งที่เราจะทำ target เราคืออะไร จะสื่ออะไรกับเค้า 
  • คุณชิ Center of everything - ความยากคือ เรื่องของเวลาจำกัด ต้อง Deal กับคนเยอะมาก แต่ละคนมีความคาดหวังต่างกัน 
    • ทำยังไงให้ภาครัฐ 10 กระทรวง 50 หน่วยงาน ไม่มี Logo กระทรวงขึ้น
    • เอกชนทุกค่าย Telco หน่วยงานต่างประเทศ
    • โจทย์คือ ต้องการอะไรจากงานนี้? ให้คนรู้จักว่า Startup คืออะไร นักลงทุนหันมาสนใจ
  • ผอ. - มุมมองกับ Startup ตอนนี้กับตอนก่อนนี้ ผมว่า ภาพ (เราใช้ได้ แต่ไม่ค่อยมีคนเห็น) เหมือนเดิม แต่ พลังไม่เหมือนเดิม ได้เห็นพลังของเด็กรุ่นใหม่ ที่ยังไม่จบมหาวิทยาลัยดีก็มาทำ Startup แล้ว
  • คุณเอ - ผมไปดูงาน techcrunch disrupt 2015 พอเทียบ pavilion แล้ว ของเราน่าสนใจกว่าตรงที่แยก category ของ Startup เป็นครั้งแรกที่จัดงาน แล้วคนไม่โหรงเหรง
    • Marketing ไม่ใช่การ Sale อย่างเดียว มันคือการ Push the meaning into product, The art of creating customer
    • คนที่มาคุยด้วย มี 2 ประเภทคือ ทำมาแล้ว กำลังแย่ หรือ ไม่รู้เรื่องเลย
    • ที่งานก็เลยทำ 1 page marketing แจก เป็น 9 metrics 
      • prospect : who is your customer?, message ที่จะสื่อสาร, medium ช่องทางไหนบ้าง
      • leads : ทำยังไงไม่ให้ลูกค้าออกจากร้านไปตัวเปล่า capture leads, make engage, convert leads to sale
      • ... ไม่ได้เล่า 
  • คุณพร - ที่เจอคือ เอา Design มาให้ช่วยดูให้หน่อย
    • รู้ได้ยังไงว่าทุก feature จะ success
    • หน้าตาสวย ไม่ได้หมายถึงการใช้การได้ 
    • ออกแบบมาแล้ว ได้ไป test กับ user หรือยัง
    • มีการเก็บข้อมูล มาวัดว่าของที่เราทำ success หรือ fail ไม๊ ควรมีการ tracking ก่อนปล่อย product 
  • คุณเอ - อย่าง Airbnb ทำการทดสอบปุ่ม 3 สี ว่าอันไหน work ด้วยการทำ A/B Testing กับ user หลักแสน เป็นเวลา 1 เดือน ดูว่าสีไหนคนคลิกเยอะสุด
  • คุณพร - การทำ test ช่วยให้เรา success ได้
    • ก่อน - สัมภาษณ์, prototpye
    • ทำ - A/B testing
    • หลัง - enhance ทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
  • white paper คือ การมโน วิ่งหา startup ทำ A/B Testing สรุปปัญหา คิดว่าจะขออะไรจากภาครัฐ วิ่งตระเวนคุยกับภาครัฐ แล้วพบว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องแก้กฎหมาย พอไปดูจริงๆ ก็พบว่ามันยากกกกกกกกมาก กฎหมายประมวลแพ่งและพาณิชย์ต้องใช้ระยะเวลา 6 ปี ป่านนั้น Startup ตายแล้วเกิดใหม่ไปแล้วสองรอบ วิธีแก้คือการออก พรบ. ใหม่ (ถึงได้เป็นเหตุผลว่าทำไมมี พรบ. เยอะแยะ)
    • เราทุกคนอยากได้ แต่ถ้ามีข้อดี ก็อาจเกิดช่องโหว่ได้อีก 
  • ปัญหา Grab bike, Uber, Airbnb ที่โดนระงับ
    • ต้องดูว่าธุรกิจที่เข้ามา เปลี่ยนวิธีทำธุรกิจของผู้เล่นเก่าในตลาดหรือเปล่า
    • มันมีรูปแบบนี้ตลอด ไม่จำเป็นต้องเป็น Startup
    • กำลังคิดเรื่อง sand box กันอยู่ คือถ้ามีอะไรล้ำหน้ากว่ากฎหมาย ให้ทำใน sand box ถ้าเกิดมีผลกระทบกับสังคมวงกว้าง ต้องมาคุยกันว่าจะเปลี่ยนกฎหมายไม๊
  • (ศัพท์ใหม่วันนี้) คณะกรรมการวิสาหกิจเริ่มต้นแห่งชาติ = Startup (มีปลัดคลังเป็นประธาน)
  • จะคุยเรื่องกฎหมายก็ต้องไปคุยกับ สตช. (สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) ด้วย
  • ถ้าคุณเห็นปัญหา ให้ไปดูข้อกฎหมาย มันมีอะไรหลายอย่างมัดมือมัดเท้าภาครัฐอยู่
  • 5-7 ส.ค. นี้จะมีงาน Startup @ เชียงใหม่, ปลาย ส.ค. ที่ขอนแก่น, ก.ย. ที่ภาคใต้, 5 ต.ค. รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติปีนี้มี startup ด้วย ติดตามได้ที่แฟนเพจ Startup Thailand (งานโยนเข้า RGB72)
พักเบรก 20 นาที มี sandwich นวัตกรรม, Cupcake แล้วก็น้ำดื่ม Sprinkle
#คิดถึงวาฟเฟิลกับน้ำส้มครั้งที่แล้วมากกว่า :P



รีบเข้าห้องมาเล่นเกมแจกสมุด moleskine 5 เล่ม เป็น limited edition แต่...ไม่มีดวงหง่ะ
ขอแสดงความยินดี (และอิจฉา) กับผู้โชคดีทุกท่านด้วย TT___TT


กลับมาต่อกันเล้ยยยยย


  • คุณโก้ เป็นกรรมการผู้จัดการ / ดูแลการผลิต ส่วนเจ้าของจริงๆ คือ เสี่ยเจียง
  • Zurreal มาจาก surrealism เป็น traditional art คือการทำให้ real แล้วก็ sur สะท้อนจิตใต้สำนึกคน (ฝันร้าย) ส่วน Disney จะเป็น fantasy (ฝันดี)
  • Visual effect อาจจะแบ่งได้ 2 อัน
    • Special effect : จับต้องได้
    • CG (Computer Graphic)
  • ทำมา 9 ปีนิดๆ ทำไปประมาณ 80 กว่าเรื่อง (ค่ายสหมงคลฟิล์ม ทุกปีจะมี 15-20 เรื่อง ใช้ CG 6-7 เรื่อง)
  • ต้มยำกุ้ง ได้รับรางวัล สุพรรณหงส์ 2 ปีที่แล้ว
  • เราเริ่มทำตั้งแต่องค์บาก 1 แต่ตอนนั้นดัน PR ว่า เล่นจริง เจ็บจริง โนสลิง โนสตั้นท์ โนCG แต่ความจริงคือ เล่นจริง เจ็บจริง สลิงเพียบ(เพื่อความ safety) CG ก็มี
  • ต่อจากภาคแรกมา ก็ CG เพียบเลย
  • พอเราเริ่มปล่อย making of เปิด public สู่ประชาชน ทำให้เริ่มได้รางวัล
  • การทำ CG คือ ทำยังไงให้คนไม่รู้ ให้มัน blend ไปกับเรื่อง หนังเราไม่ใช่หนังฝรั่งที่จะมีมังกร งูหลามยักษ์ ประเภทหนังบ้านเราก็ ผี ประวัติศาสตร์ ตลก แอคชั่น
  • ทำไมต้องทำ CG - หา location ไม่ได้ ฉากที่เพียวจริงๆ ไม่มีของแปลกปลอมหายากมาก
  • CG มีทั้งเอาเข้า เอาออก เกลี่ยสี รีทัช มันคือ photo retouching บนภาพเคลื่อนไหว
  • ต้มยำกุ้งมี CG ประมาณ 1,000 shot ถ้าหนังเล็กๆ อย่างมะเดี่ยวก็ประมาณ 100 shot
  • จุดที่เราพลาด 1 ใน 1,000 พอมีคนเห็นก็โดนด่าว่า "กาก" แต่อีก 999 จุดที่ดูไม่ออก ก็ไม่มีคนรู้ นี่แหละ คือหัวอกของคนเบื้องหลัง
  • คนไทยยังทำ CG ไม่ได้เท่าเมืองนอก เพราะ ทุนสร้าง โครงสร้าง ความเข้าใจ process และ condition อื่นๆ เรารู้ตัวว่าสู้ไม่ได้ แต่เราก็สู้ แสดงศักยภาพที่ดีที่สุดออกมา ต้องยอมรับว่าทุกอย่างมีต้นทุน ต้องใช้เงิน
  • CG house มีหลายที่ แค่เราทำหนังอย่างเดียว
  • การทำงานของเรา
    • ปลายน้ำ - เค้าทำเสร็จมาแล้ว ถ่าย ตัดต่อแล้ว มาให้แก้ปัญหา (ระยะเวลา 3 เดือน)
    • ต้นน้ำ - เริ่มตั้งแต่อ่านบทไปด้วยกัน (ระยะเวลา 2 ปี)
  • สาระแนห้าวเป้ง ทุน < 10M แต่ได้ 70M พอประสบความสำเร็จ ก็ทำต่อ โดยเอา CG เข้ามาช่วย สาระแนสิบล้อ ใช้ CG เป็นมูลค่าเพิ่มของหนัง
  • เราทำงานตามเวลา ดีที่สุดเท่าที่เวลามันเอื้อ เหมือนอย่างวาดภาพ ตอนนี้ว่าดีแล้ว พอลุกไปเข้าห้องน้ำ กลับมาก็ยังพบว่ามันไม่ดีตรงนั้นตรงนี้อีก ต้องมีคนมาฟันด้วยเวลา
  • เรื่องที่ยากที่สุดที่เคยทำมามี 2 เรื่อง
    • 1. ต้มยำกุ้ง เพราะเป็น 3d stereoscopic ต้องใช้เวลาเรียนรู้ครึ่งปี และงานเยอะมาก
      • หนังหม่อมน้อย 1 นาที มี 4 cut
      • หนัง action 1 นาที มี 50 cut
    • 2. นเรศวร เข้าไปปลายทาง ตอนที่ทุกอย่างมันรันมานาน ปัญหาคือบางอันมันถ่ายมานานมากแล้ว
      • พระนเรศ ถ่าย 5 ปีที่แล้ว กล้องฟิล์ม
      • พระมหาอุปราช ถ่ายเดือนที่แล้ว กล้องดิจิตอล
      • เอา footage มารื้อ มาแก้ 
      • หรืออย่างอีก 2 สัปดาห์จะฉาย พบว่าฉาก ตอพุทรา มันไม่ใช่ จากพงศาวดาร ต้องเป็น ต้นพุทรา สุดท้ายคุณอดัมก็ต้องไปถ่ายใหม่ 
      • ตอนนั้นผมคิดแค่ว่า "ทำยังไงให้งานนี้เสร็จ แล้วทีมงานยังอยู่ครบ"
  • หนังขุนพันธ์ (กำลังจะฉาย 14 ก.ค.) เป็นเรื่องล่าสุดที่ทำ เรื่องนี้ก็ถ่ายนานแล้ว CG เยอะ ทุนหลายสิบล้าน เราเข้าไปตั้งแต่ต้น ตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จเลย (ปกติ เสร็จ 3 วันก่อนฉาย)
  • ถ้าทำดี เป็นพันๆ shot คนจะไม่รู้ = ผ่าน
  • Challenge
    • นายทุน ผู้กำกับ Art Di ทีมงาน ทุกคนต้องเข้าใจ CG
    • ผ้า Green ไม่ใช่ผ้าวิเศษ ที่เอาไปวางแปะๆ แล้วเดี๋ยว CG ไปทำต่อเอง
    • ผู้กำกับมีหลายแบบ
      • ไม่อยากทำ CG แต่จำเป็นต้องทำ
      • ไม่จำเป็นต้องทำ CG แต่ขยันทำเกิน
    • ภาครัฐ คนดูก็มีส่วน
    • บ้านเราจะ positioning ตัวเองยังไง เอาต่างประเทศเข้ามาเปิดสาขา จะกลายเป็นเคส คาร์ฟูร์ โชห่วย อีกหรือเปล่า
  • เริ่มต้นที่ "อยากให้ทุกคนกลับมาดูหนังไทย"
โอเคค่ะ เราจะไปดูขุนพันธ์นะ #ตะเบ๊ะ
แล้วก็มาถึง session สุดท้าย เป็นอะไรที่ ฮามากๆ

  • ปริศนาฟ้าแลบ ออกอากาศวันแรก 9 มิ.ย. 2557 (2 ปีแล้ว) มีทุกวัน จ-ศ
  • 2 ปีที่แล้ว Quiz Show มันตายไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็น เกมเศรษฐี ทศกัณฐ์ แฟนพันธุ์แท้ ยกสยาม ฯลฯ พอ workpoint จะมีช่องดิจิตอลเป็นของตัวเอง ก็มาคิดกันว่าจะทำรายการอะไรไปขายคุณปัญญาดี ตอนแรกไม่ได้คิดว่าพิธีกรจะเป็นคุณปัญญาด้วย
  • จุดเริ่มต้นของการทำรายการซักรายการนึง
    • ทำรายการอื่น แล้วให้ปริศนาฟ้าแลบเป็นช่วงเล็กๆ ในรายการนั้น 
    • ทำ Demo เอาไปเสนอ คุณจิก (ประภาส) กับคุณตา (ปัญญา) แล้วก็ ผอ.
    • สังเกต react จากการเปิด Demo ที่ถ่ายกันเอง ตัดต่อกันเองง่ายๆ
    • พบว่ารายการใหญ่ คนไม่ฮา มาฮาเอาช่วงเล็กๆ คำถามโง่ๆ เนี่ย - เมื่อก่อน quiz show เป็นเรื่องจริงจังมาก ไม่เคยมีใครถามคำถามโง่ๆ
    • เสียเวลากับการปรับรายการหลักไปเป็นปี แล้วค่อยคิดได้ว่า ทำไมไม่เอาจุดเล็กๆ นี้มาขยาย
    • แล้วก็มีการทำ Test ว่ามันควรจะกี่นาที ทำไปเรื่อยๆ เหมือนการชิมอาหาร
    • ทำ Demo จนอยู่ตัว แล้วเอาไปขายคุณปัญญา
    • พัฒนาต่อมาด้วยกัน
  • คุณจิก เป็น behind the scene ตัวจริง มาคลุกคลีกับทีมงานเรื่อยๆ ตอนแรกที่รายการยังไม่สมบูรณ์ เป็นการถามตอบธรรมดา ตอบ 10 คำถาม ภายใน 2 นาที (เวลาจำกัด) มันก็ยังเป็นการยืนแล้วก็ถาม ขาดเอกลักษณ์ 
  • ตอนแรก 1 คน/1 ชุดคำถาม ปัจจุบัน 2 คน/1 ชุดคำถาม
  • คิดไม่ออกว่าจะเอาอะไรมาเป็นเอกลักษณ์ ก็ไปนั่งคิดงานกันร้านกาแฟ แล้วก็พูดอะไรโง่ๆ แบบ "เอารถไฟเหาะมาไว้ในรายการ ดูไม๊พี่ ตอบถูกเลื่อนขึ้น ตอบผิดร่วง" จากนั้นก็เรียกทีม Art มา Sketch เก้าอี้ล่อฟ้า (ราคาเท่ากับรถ civic 1 คัน) 
  • ข้อดีของ workpoint คือ กล้าลงทุน แม้จะเจ๊งก็ตาม งานทีวี ต้องใหม่ ต้องแปลก ถ้ามีคนปล่อยก่อน เราก็ต้องพับ
  • คุณปัญญา อายุ 63-64 ปี ถ่ายรายการตั้งแต่ 15.00-24.00 น. นั่งพักช่วงเบรก ประมาณ 30 นาที อายุมาก แต่ยังต้องมาตะโกน "ปริศนาฟ้าแลบบบบบบบบ" ที่ทำแบบนี้ได้เพราะ
    • อินเนอร์ของการเป็นเจ้าของ
    • ถ้าทำงานแบบลูกจ้าง ก็จะเป็นลูกจ้าง
    • ถ้าทำงานแบบหัวหน้า ต่อให้ตอนนี้เป็นลูกจ้าง อนาคตก็จะประสบความสำเร็จ เพราะ "มีความใส่ใจ"
    • ถ้า Energy เรา Drop คนอื่นก็จะ Drop ด้วย
  • คุณปัญญาต้องทำความเข้าใจคำถามเป็นชั่วโมง อันไหนไม่ชัวร์ต้องตัดทิ้ง แต่บางคำถามที่ดิ้นได้ ก็มีพลาดเหมือนกัน
  • ถามเรื่องเกี่ยวกับ "สถาบัน" ไม่ได้ ทุก category เลย
  • มีทีมคิดคำถาม ช่วยกันคิดหลักๆ 8-9 คน แต่ทีมเกมโชว์ 15-20 คนก็ช่วยคิดด้วย
  • ต้องรู้จักเป็นนักฉกฉวก "ต่อยอดจากทุกสิ่งที่ทุกคนแชร์กัน" ถามคำถามที่ร่วมสมัย
  • 1 สัปดาห์ 100 คำถาม 1 ปีก็ 5,000 คำถาม นี่ 2 ปีก็ล่อไป 10,000 คำถามแล้ว
  • ทุกอย่างมีวันหมดอายุ
  • รายการ Quiz show ในไทย มี 2 แบบ
    • เหนือชั้น ดูความฉลาดของมนุษย์ พวกแฟนพันธุ์แท้ ที่ฟังเสียงหมุนของล้อจักรยานแล้วตอบได้ว่ารุ่นอะไร
    • รอดูความหายนะของคนอื่น อย่างปริศนาฟ้าแลบ ที่ 1 ชุดคำถามใช้สำหรับสองคน รอบแรกคนดูจะเป็นผู้ฟังที่ดี ทายไปด้วยกัน พอรอบสอง เราจะทำตัวเป็นผู้ยิ่งใหญ่ หรือ หนูน้อยกู้อีจู้ เอาจริงๆ มันคือการที่เราดูเด็กโง่ๆ (ไร้เดียงสา) ไม่รู้จักของชิ้นนึง 
  • คนที่ Character ชัด ส่วนมากจะโดนเป็นคนที่สอง เช่น ตั๊ก บริบูรณ์ ถ้าเคยดู slumdog millionaire คือนึกถึงอะไรบางอย่าง แล้วตอบได้ มันมากเกินความคาดหมาย
  • ทำมาเยอะ คำถามซ้ำมันก็มี หลังๆ เลยต้องมีโปรแกรมเก็บลง Database ดูว่า คำมันซ้ำไม๊ 
  • มีการ Test เก้าอี้ทุกครั้งก่อนถ่ายทำ
  • เก้าอี้นี่ความสูง ~ 7 เมตรเลยนะ
  • Mobile App ของเกมนี้ ก็มาจากการต่อยอดรายการ
  • ที่ Workpoint มีทีมพัฒนา App อยู่แล้ว อย่างเวทีทองก็มี app แล้ว

เนื่องจากคุณมาร์วินมีของมาแจก จึงขออาสาสมัครมาเล่นกัน 3 คน ที่นี่ไม่มีเก้าอี้ล่อฟ้า แต่มีบันไดช่าง! ตลกไปอีกกกกก ถ่ายคลิปเก็บไว้ด้วยดีกว่า ขออภัยหากมือสั่นเป็นระยะ เพราะมันกลั้นขำไม่ได้จริงๆ 5555+

หมอแล็บแพนด้า

โคม ปะการัง

คุณสแน็บ

ทั้ง 3 คนเก่งมากอ่ะ โดยเฉพาะคุณสแน็บ สติดีกับคำถามฝรั่งลูกครึ่ง ฝรั่งครึ่งลูกมาก #กราบบบบบ

และทิ้งท้ายจากคุณมาร์วินด้วย
  • คนดูช่วยทำให้เราพัฒนาตัวเองตลอดเวลา คอยดู คอยเช็ค 
  • การทำรายการ มันคือ ต้มยำถ้วยนึง มีหลายส่วนผสม - Teamwork
  • ถ้าเราสนใจในสิ่งไหนมากๆ จะเป็นเวรกรรมในสิ่งนั้น เช่น คุณโก้ จะคอยจ้องว่าอันนี้ CG ไม๊​ อันนี้พลาดตรงไหน ส่วนเราก็จะเห็น อันนี้ไฟดับ อันนี้แสงไม่ลงหน้า ฯลฯ ดูทีวีไม่สนุกเลย
ส่วนตัวแล้วเราชอบ session หลังพักเบรกมาก โดยเฉพาะ session สุดท้าย ฮาตรงเล่นจริง ปีนจริงเนี่ยแหละ

แล้วจู่ๆ พี่ไวท์ ก็ร่วมทีม Surprise วันเกิดให้พี่เก่ง (เค้กมาจากคุณปู)

จะรอไปงาน Creative Talk 10 นะฮะ :P

GroupFie ที่สุดท้าย เราไม่ติดอยู่ในภาพ เนื่องจากนั่งอยู่ด้านบนเกินไป อุตส่าห์ชูมือ -*-

และสุดท้ายขอบคุณทีมงานทุกคนที่จัดงานดีๆ แบบนี้นะคะ ^_^

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประสบการณ์ตรงกับการโดน Facebook บังคับเปลี่ยนชื่อ ทำอะไรไม่ได้นอกจาก "รอ"

น้องนีโม่ กับ โรคฉี่หอม

สองชั่วโมง สองที่เที่ยว ด้วย เรือหางยาว เจ้าพระยา