ไปโผล่งาน UX TALK 3 แบบมี วอ วิทยุอยู่ในมือได้ยังไงกัน?

ตอนที่เห็นงาน Event นี้เปิดตัวในสื่อออนไลน์อย่าง Facebook ความรู้สึกแรกที่แวบเข้ามาคือ อยากไปมาก (ก ล้านตัว) UX TALK 3 ตอน Empathy : Understanding Feelings of Another คือ Speaker ล้นหลามอะไรเบอร์นั้น บัตร Early Bird ราคา 900 บาท บัตรปกติ ราคา 1,600 บาท ขณะที่กำลังลังเลว่าจะไปงานได้ไม๊ เนื่องจากมี Tentative อีกงานเอาไว้ก่อนแล้ว บัตร Early Bird ก็หมดจ้า!


พอเห็นว่าเหลือแค่บัตรปกติ ก็กลืนน้ำลายดังเอื้อก... สงสัยจะไม่มีวาสนาได้ไปซะแล้วสิ T^T หลายคนอาจมองว่าบัตรราคาปกติก็ไม่ได้แพงอะไร แต่คนเราให้คำนิยามของราคาไม่เท่ากันแหละเนอะ อย่าเถียงกันเลย เหนื่อยเปล่า เอาเป็นว่าทำใจดีกว่า แล้วฝากคนที่ไปงานจดอะไรมาเผื่อด้วย Pls.

แต่ๆ วันที่ 3 พ.ค. 2559 เกือบ 22.00 น. พี่ป๋อมก็ทัก chat ใน facebook มาเกี่ยวกับงานนี้ ถามว่า อยากไปงานนี้ไหม ได้ซื้อบัตรหรือยัง... ให้ไปช่วยงานแต่ไม่มีเงินให้ จะไปทำไหม

โอ้โห เหมือนแสงสว่างส่องลงมาจากฟากฟ้า ด้วยเหตุนี้เอง จึงรีบไปขอเลื่อนงานที่ Tentative เอาไว้ เพราะอยากไปงานนี้มากจริงๆ แล้วก็ สำเร็จ!

วันที่ 6 พ.ค. 2559 ก็ตัดสินใจบอกพี่ป๋อมว่า ไปด้วยยยย แต่พี่ป๋อมก็สกัดความหวังดังเอี๊ยดดด ด้วยคำว่า "ขอไปถามทีมก่อน เพราะอยากได้คนที่ทำงานด้วยกันยาวๆ" แล้วก็เล่าเบื้องหน้าเบื้องหลังของทีม UX Connext ให้ฟังว่า ประกอบไปด้วยใครบ้าง เกิดขึ้นได้ยังไง แล้วจะทำอะไรกันในอนาคต เราก็ฟังไป ปาดเหงื่อไป เพราะพี่ป๋อมดันถามหา "เวลา" ว่างมาทำงานนี้ จากคนที่ไม่ค่อยมี "เวลา" อย่างเราเนี่ยแหละ ไปๆ มาๆ ก็หลุดเข้าไปอยู่ใน Group ของ UX Connext หน้าตาเฉย #หายใจดังเฮือก

หลังจากนั้น chat นี้ก็เด้งรัวๆ ทุกวัน...

การเจอคนแปลกหน้าสองคน นามว่า เอ็ม และ พี่ชิว เอาจริงๆ ก็เกร็งเหมือนกันนะ การคุยกันผ่าน online โดยที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน (ถึงแม้ว่าความจริงเราจะเคยเจอพี่ชิวที่งาน meetup ของ Hotel Quickly เรื่อง UX แต่มันก็เป็นระยะเวลาสั้นๆ อ่ะ) มันเหมือนมี Barrier อะไรบางอย่าง แต่เพื่อ "งาน" ที่จะถูกจัดอยู่ไม่กี่วันข้างหน้า สิ่งที่สัมผัสได้คือ ทุกคนพยายามเต็มที่มากในทุกเรื่องๆ การจัด Event ที่มีผู้เข้าร่วมงานสองร้อยกว่าคน มีเวลาเตรียมงานไม่มาก ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทีมนี้เป็นอะไรที่บ้าพลังมากจริงๆ

ด้วยความที่ไม่รู้ว่าจะเอาตัวเองไปอยู่ตรงไหนดี เราก็ช่วยทีมเค้าแบบก๊อกๆ แก๊กๆ วันที่เค้านัดเจอกัน เราก็มีปัญหาบางอย่างที่ทำให้ไม่สามารถไปประชุมตอนเย็นหลังเลิกงานด้วยได้ จนสุดท้าย 2 วันก่อนวันจัดงาน เราก็ได้เจอตัวตนเป็นๆ กันซักที

การประชุมเตรียมงานครั้งนี้กินเวลากว่าสามชั่วโมง แตก Task ที่จำเป็นต้องทำ ใครรับหน้าที่อะไร เอ็มเอาส่วนเวทีแสงสีเสียงไป พี่ชิวดูงานโดยรวม พี่ป๋อมและน้องเจี๊ยบเป็นMC
แล้วหน้าที่ติดต่อประสานงานดูแล Speaker ก็ตกมาเป็นของเรา...


เคยเจอ Speaker ตัวเป็นๆ อยู่ไม่กี่คน นอกนั้น... ไม่รู้จักเลย #หนูผิดไปแล้ว
สิ่งที่ทำเป็นอย่างแรกคือ ทำตาราง Check คิว Speaker ว่าคนนี้ขึ้น Stage กี่โมง หน้าตาเป็นแบบไหน จากนั้นก็โทรหาหรือไม่ก็ facebook message ไปรัวๆ ว่าจะมาถึงงานกี่โมง เค้าต้องเตรียมเอกสารอะไรมาบ้าง การเดินทาง อาหารการกิน หรือจะส่ง presentation ให้ทางไหน ทั้งหมดนี้ทำภายในวันศุกร์!

คืนวันศุกร์ ก็ยังวุ่นวายกันเรื่องการปิดซื้อ Ticket, จะสั่งอาหารเท่าไหร่ดีแน่, Badge และอื่นๆ อีกร้อยพันแปดเรื่อง จากประสบการณ์ส่วนตัว จัดงานทีไร คืนก่อนวันงานมักจะเป็นวันที่ได้นอนน้อยที่สุด ประจำ! ครั้งนี้ก็เช่นกัน =w=

ตัดภาพมาที่เช้าวันรุ่งขึ้น 4 มิถุนายน 2559 ณ เวลา 05.30 น.
นาฬิกาปลุกเสียงดังสนั่น ขุดร่างตัวเองขึ้นมาโดยพลัน เดินแบบงัวเงียสุดฤทธิ์เพื่อไปอาบน้ำ แล้วบังเอิญลืมตามองออกไปยังท้องฟ้าด้านนอก โอ้โหหหห งามแต๊ ไม่เคยเห็นฟ้าสีแบบนี้มาก่อน ตาสว่างเลย (แน่นอนว่าภาพจริงที่เห็นด้วยตา สวยกว่านี้มาก)


เวลา 05.55 น. ยกหูโทรไปหาพี่ป๋อม (นัดหมายกันว่าพี่ป๋อมจะมารับที่บ้านเวลา 06.30 น.) พี่ป๋อมรับสายด้วยความงัวเงีย เรา : "ตื่นหรือยัง" พี่ป๋อม : "ยัง นี่กี่โมงแล้ว" เห้ย! นี่พี่ล้อเล่นปะเนี่ย โอเคเป็นบริการ Wake up call จากเราละกันนะ (มารู้ทีหลังว่าพี่ป๋อมนอนตอนตี 3 เพราะเตรียมงานส่วนอื่นๆ อยู่ - กราบบบ)

จากนั้นพี่ป๋อมก็มารับเราประมาณ 06.45 น. แล้วก็ไปรับน้องเจี๊ยบต่อ จากนั้นก็มุ่งหน้าไปสถานที่จัดงาน ถึง ม.กรุงเทพฯ ตอน 07.45 น. เลทจากเวลานัดหมายไป 15 นาที พอไปถึงที่ชั้น 16 ก็พบว่าสถานที่ด้านหน้า มีการเตรียมของว่าง น้ำ x-stand อะไรพวกนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่พบสิ่งมีชีวิตอยู่เลย!



อ่อ ไปกินข้าวกันอยู่ที่โรงอาหารนี่เอง รีบเอาตัวเองลงไปกินอาหารเช้า แล้วก็กลับขึ้นมา set up สถานที่ต่อ

ผู้เข้าร่วมงานทยอยมาตั้งแต่ยังไม่ 9.00 น. ข้าวของบางอย่างที่ฝากไว้กับทีมงานของ Hubba ยังมาไม่ถึง เลยต้องตัดสินใจแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันหลายอย่าง ฉุกละหุกพอควร แต่พอของมาครบ คนครบ ทุกอย่างก็ไหลลื่นได้ดีมาก โดยเฉพาะการได้มี วอ วิทยุ มาอยู่ข้างเอว แถมมีหูฟังเสียบหู ชอบ Moment นี้มากกกก คิดถึงตอนเป็นสโมสรฯ คณะวิทย์ ม.เกษตร กับ ตอนจัดค่าย YWC10 เลย ;)

ช่วงเวลาก่อนงานเริ่ม ทำอะไรได้ก็ช่วยกันทำ Test หน้าจอ Projector, Test เสียง, ยกโซฟา, Print นู่นนี่ หรืออะไรที่ทำได้ ก็ทำไปนั่นแหละ พองานเริ่ม หน้าที่จริงๆ ของเราก็มาถึง นั่นคือคอยดูเวลาอยู่เรื่อยๆ ว่า Speaker เดินทางมาถึงหรือยัง ถ้าถึงกำหนดเวลาที่แจ้งว่าจะมาแล้วยังไม่มา ก็ต้องขออนุญาตโทรตามแล้วกันนะคะ #ขออภัยหากทำให้รำคาญใจ

เรื่องดีงามคือ Speaker ทุกคนมาก่อนเวลาขึ้น Stage ถึงแม้จะมีเรื่องตื่นเต้นให้เราบ้างสำหรับบางคนก็ตามน่ะนะ และที่สำคัญคือ ทุกคนก็รับสายโทรศัพท์เรา #น้ำตาจะไหล

พอ Speaker มาก็จะเอา Badge สมุดที่ระลึกให้ และพาไปนั่งที่ๆ จัดเตรียมไว้ (Row 1 ด้านขวา) ระหว่างที่ Speaker อยู่ที่งาน ก็ต้องหาจังหวะเวลา เข้าไปชาร์จถาม/ตามเอกสารที่แจ้งว่าให้เอามาให้ด้วย


ด้วยตำแหน่ง Staff ทำให้ไม่สามารถอยู่กับที่ได้ เดี๋ยวอยู่ในห้อง เดี๋ยวออกไปโทรศัพท์นอกห้อง ก็เลยมีที่สิงอยู่ตรงกำแพงใกล้ๆ ประตูทางออก อยากฟังก็อยาก แต่งานในหน้าที่ก็พลาดไม่ได้ ก็เลยแวบไปแวบมาเป็นผีเลย ที่ได้ฟังก็เลยกระท่อนกระแท่นเหลือเกิน เสียใจ T__T

ความพีคที่สุดคือ พี่เดีย ขณะ on stage ไม่สบาย OMG! จากที่ยืนอยู่ดีๆ ต้องลงมานั่ง //หัวใจ Staff ตกวูบกันเป็นแถว// แต่หลังจากที่ลงมานั่งและดื่มน้ำเข้าไปหน่อยแล้ว ก็สามารถ so lo จนจบได้ เฮ้อ...โล่งอก
(ตอนที่เอาน้ำไปให้ มียาดมอยู่ในมือด้วยนะ แต่ไม่ได้ให้ )

พอถึงช่วงพักกลางวัน ก็ต้องดูแล Speaker ให้เรียบร้อยก่อน แล้วก็เช็คว่า Speaker ที่มาช่วงบ่ายจะมาทานข้าวกลางวันด้วยไม๊ เลยโดนทิ้งให้อยู่บนยอดดอยคนเดียว ขณะที่คนอื่นลงไปหมดแล้ว โฮฮฮฮ (ดราม่าทำไม)

สำหรับช่วงกลางวันนี้ พระเอกของงานตกเป็นของพี่ชิว คนที่สามารถโทรติดร้านส่งข้าวได้ คุยกันได้ นัดหมายรับข้าวได้ (เราพยายามโทรแทบตาย แต่ไม่รับสายเรา คืออะไร ตอบ!) รวมถึงดูแลทุกสิ่งอย่างในโรงอาหาร ร่วมกับทีมงานคนอื่นๆ และคุณแม่บ้านของทางมหาวิทยาลัย

พอลงไปกินข้าว สิ่งที่ทำคือ กินอย่างเร็ว เวลามีน้อยค่ะ กินๆ (เป็นตอนท้ายของคนที่มากินแล้ว) ก็เลยได้อยู่ช่วยเก็บข้าวกล่อง น้ำที่เหลือ ขนขึ้นมาเก็บข้างบน แล้วก็ทำหน้าที่ตัวเองต่อไป

ช่วงเบรกตอนบ่าย อดกินโดนัทเลยหง่ะ เพราะมัวแต่ set up เวทีให้เป็น panel discussion ด้วยการยกโซฟาและโต๊ะอยู่  #อยากกินหนมอ่ะ #งอแง


Panel Discussion เป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้ว่า พี่ๆ ทุกคนมี "ของ" ในตัวเยอะมากกกกก วันหลังจะขอเรียนเชิญมาพูดกันคนละ 2 ชั่วโมงนะคะ แฮ่ ^^"


ในฐานะ Staff เราได้ประสบการณ์ชีวิตที่ดีมาก บวกกับความรู้บนเวทีจาก Speaker ที่เราจับประโยคเด็ดๆ มาได้บ้าง ถือว่าคุ้มมากนะ (ถ้าเป็นผู้เข้าร่วมงานเฉยๆ คงเก็บความรู้ได้หลายเม็ดกว่านี้)

ถึงแม้เราจะเพิ่งมา Join ทีมนี้ได้ไม่ถึงเดือน หรือมีบางจังหวะที่รู้สึกไม่ค่อยคลิกกันเท่าไหร่ แต่เราก็สัมผัสได้ว่า ทุกคนในทีมมีความสนใจในศาสตร์ของ UX อยากให้มันเป็นที่รู้จัก อยากให้ทุกคนเข้าใจ เรียกได้ว่าลุ่มหลงมากกว่าเรามากๆ ขอบคุณพี่ป๋อม พี่ชิว เอ็ม ที่ให้โอกาสเรานะ :)

  • ขอบคุณ Speaker ทุกคน พี่ๆ น่ารักมากเลยค่ะ ถ้าพริ้วทำอะไรให้ไม่พอใจ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
- Shakrit Chanrungsakul - Dave Rawitat Pulam - Apirak Panatkool - Idia Koshi - Pete Chemsripong - Oath Voravong - Wishaya Jeen Suratriyanont - Darin Eng Suthapong - Kunya Wongpaisansin
  • ขอบคุณ Sponsor ที่เห็นความสำคัญของงานนี้ หวังว่าจะได้รับความอนุเคราะห์อีกนะคะ >//<
- คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยกรุงเทพ - HUBBA X - GetLinks - Maxincube - Sketch App - Course Square - PAPA KUMA - HUBBA Thailand
  • ขอบคุณพี่โฟน พี่เกด มะนาว พี่จอย ทีมงาน Hubba และ Volunteer ทุกคนที่มาช่วยงานกันนะ
  • และที่ขาดไม่ได้เลย ขอบคุณผู้เข้าร่วมงานทุกคน ทุกคำติชมจะเป็นแรงผลักดันให้งานหน้าออกมาดียิ่งขึ้นไปอีก (จะมีงานหน้าอยู่ใช่ไม๊นะ 55+)

เราไม่รู้หรอกว่าอนาคตจะเป็นยังไง เราจะอยู่ตรงนี้ได้อีกนานแค่ไหน แต่เราเชื่ออย่างหนึ่งว่า ถ้าเราทำวันนี้อย่างเต็มที่ ตั้งใจอย่างที่สุดแล้ว เมื่อมองย้อนกลับมา จะไม่มีคำว่า "เสียใจ" 

**ขายของ** กด Like เพื่อติดตามข่าวสาร สาระ งานอีเว้นท์ดีๆ เกี่ยวกับ UX ได้ที่นี่นะ :P
https://www.facebook.com/uxconnext/

ปล. กะว่าจะเขียนสาระความรู้ที่เราได้จากงานนี้ต่อ (ถึงแม้จะไม่ครบถ้วนกระบวนความก็เถอะ) โปรดติดตาม ฮ่าาาา

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประสบการณ์ตรงกับการโดน Facebook บังคับเปลี่ยนชื่อ ทำอะไรไม่ได้นอกจาก "รอ"

น้องนีโม่ กับ โรคฉี่หอม

สองชั่วโมง สองที่เที่ยว ด้วย เรือหางยาว เจ้าพระยา