[STARTUP THAILAND 2016] การเสวนา หัวข้อ "STARTUP 101 จากไอเดียจนหานักลงทุน"

มาถึง session สุดท้ายที่เราไปฟังมาที่งาน STARTUP THAILAND 2016 แล้วล่ะ นี่ต้องรวบรวมพลังลมปราณมาก ในที่สุดเราก็ทำได้ เฮ #ปรบมือรัวสามสี่

การเสวนา หัวข้อ "STARTUP 101 จากไอเดียจนหานักลงทุน" 

ผู้ร่วมเสวนา 
  • คุณธีระชาติ ก่อตระกูล Founder and CEO StockRadars
  • คุณยอด ชินสุภัคกุล Founder and CEO Wongnai
  • คุณเปรมวิชช์ สีห์ชาติวงษ์ Founder and CEO Storylog 
  • ดำเนินการเสวนา โดย คุณสิทธิพล พรรณวิไล

พี่หนูเนย เป็น พิธีกร คือ เห้ย!! ตกใจ (จริงจัง) พี่เนยเป็น Android Dev ที่เก่งมาก เป็น GDE คนแรกของไทย เป็นคุณพ่อของนกฮูก molome แต่ตอนนี้เป็นพิธีกรอยู่บนเวที (อึ้งไปเลย) ดึงสติกลับมาค่ะ กลับมา

--แนะนำตัวกันหน่อย

คุณแม็กซ์ : StockRadars ทำให้เรื่องหุ้นเป็นเรื่องง่าย เอาข้อมูลต่างๆ มารวบรวมให้ คนที่เป็นมือใหญ่ๆ ลงทุนอะไร ถ้าเรา follow ไว้ เราก็ลงตามเค้าได้ บริษัทที่ทำชื่อ siam square technology ตอนแรกเป็น SME แล้วก็เปลี่ยนมาทำ App ซึ่ง launch มาประมาณสองปีกว่าๆ แล้ว ดาวน์โหลดฟรีได้ทั้ง ios และ android 

พี่ยอด : ทำ Wongnai มาเกือบ 6 ปีแล้ว เป็น platform review ร้านอาหารจากคนที่ไปกินจริงๆ มีทั้งเว็บและ App สามารถค้นหาร้านได้ตาม location, ราคา, และอื่นๆ มีสมาชิก ~ 2M มีร้าน ~ 200K

พี่ปิ๊บโป้ / เฮียอู๋ : Storylog ผมน่าจะเป็นน้องเล็กสุด เป็นน้องใหม่ที่สุด พัฒนา App, Web ให้คนมาแชร์เรื่องราว ออกมาไม่ถึง 2 ปี มีคนมาเล่า 40K กว่าเรื่อง เดือนนึง 4K เรื่อง ตอนนี้มี fictionlog ออกมาเพิ่มด้วย ให้เขียนนิยาย 


--การเริ่มต้น 101 ก่อนทำ startup ทำอะไรกันมา

คุณแม็กซ์ : จบวิทย์ เคมี แล้วก็โดนดึงตามความชอบ ตามช่วงเวลาของชีวิต ชอบเล่นเกมส์ เล่นเน็ต เป็นลูกคนจีนอยากทำธุรกิจของตัวเอง แต่ถ้าจะทำโรงงานเคมี ก็ต้องมีเงินเป็นหลายร้อยล้าน แล้วเราจะทำอะไร? ก็ไปทำงานบริษัทเคมีอยู่พักนึง แล้วก็มองเห็นธุรกิจไอที เป็นอะไรที่เราสามารถลงทุนได้ ก็เริ่มหัดทำเว็บ เริ่มเขียน ข้อมูลมีอยู่ทุกที่ในโลก แค่เราอยากรู้มากพอ มันจะมีอาจารย์โผล่มา อินเตอร์เน็ตทำให้เราเข้าถึงข้อมูลได้ทุกอย่าง อย่างเขียนแอนดรอยด์ก็ไปหาพี่หนูเนย อะไรที่มีคนทำได้ดีกว่าเรา ก็ให้เค้าดูแลดีกว่า 

Background ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน มีจากทุกสาขาอาชีพ มันคือการเอาเทคโนโลยีเข้าไปในอุตสาหกรรมเพื่อการเติบโต เพราะชีวิตเราตอนนี้อยู่กับเทคโนโลยีตลอดเวลา ส่วนตัวชอบการลงทุน เอาเทคโนโลยีมาช่วย มองเทคโนโลยีว่าเป็น media ตัวนึง เอาไอเดียมาบิดบางอย่าง เพื่อทำให้มันมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ความสำเร็จจริงๆ อยู่ที่ลูกค้า เงินเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเติบโตมากขึ้น

พี่ยอด : จบ CPE CU (ถือว่าตรงสายมาก) ทำงาน IT อยู่ Reuters ประมาณ 4 ปีกว่า เป็น manager ก็ happy ดี แล้วก็ไปต่อ MBA ที่ USA ระหว่างที่เรียนนั้นก็มีการสอนให้เป็นเจ้าของกิจการ (แคลิฟอเนีย) ทำให้เรารู้สึกว่าเราอยากเป็นเจ้าของกิจการบ้าง ตอนนั้นที่ USA มี yelp.com ก่อนจะกลับมาเมืองไทย ก็คิดว่าต้องทำ startup แน่ๆ ทำ yelp.com แห่งประเทศไทย ตัวเองเข้าใจเทคโนโลยี แล้วก็ชวนเพื่อน 3 คนมาก่อตั้ง (เมื่อ 6 ปีที่แล้ว) ไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่มีคนมาฟังเป็นร้อยคน

วันนี้จะกินอะไรดี? เป็นปัญหาของทุกคน ทุกคนอยากกินอาหารอร่อย อยากเจอร้านอาหารที่ดี อันที่จริงเราอยาก review ทุกอย่างๆ ตอนนี้มี beauty & spa เพิ่มเข้ามา หา solution ที่มาตอบความต้องการ

พี่ปิ๊บโป้ / เฮียอู๋ : จบนิเทศ CU ก่อนหน้านี้ทำงานเขียน งานแสดง แค่อยากทำเว็บไซต์ที่รวบรวมความคิดของคน ซื้อหนังสือมาอ่าน น่าสนุก ก็โดดลงมาทำเลย ก็แง๊กๆ อยู่ปีนึง ตอนแรกผมอยากทำร้านอาหารด้วย แต่พอไปซื้อหนังสือ หยิบ lean startup มา อ้าวผิดเล่ม! แต่อ่านไปอ่านมาแล้วก็สนุกจัง ก็เลยทำเลย ถ้าไม่มีความซื้อหนังสือผิดวันนั้น ก็ไม่มีวันนี้ #เอ่อม...

--startup คืออะไร? รวยเร็วจริงปะ?

พี่ยอด : เป็น SME แบบนึง ที่ต่างคือ business model scalable (ขยายได้อย่างรวดเร็ว) แก้ปัญหาคนเป็นล้าน ให้เจอร้านอาหารเป็นแสนได้บนเทคโนโลยีของ Wongnai การทำร้านอาหารจริงๆ เลย scale ยากกว่า เพราะมีเรื่อง location, คน, การส่งของ, ... แต่ถ้า starbucks ที่มัน repeatable, scalable ได้ อันนี้ก็โอเค เทคโนโลยีช่วยให้เราเติบโตได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็มีเรื่องการ raise fund ต่อมา

คุณแม็กซ์ : เรา monitor growth ทำยังไงให้มันเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด ไม่จำเป็นต้องยึดติดว่าเป็น product อะไร สมมติอย่าง กล้วยตาก มัน scale ได้ไม๊ ขายคนทั่วโลกโดยที่ต้นทุนไม่ต้องเพิ่มตามได้ไม๊? ทุกบริษัทที่เป็นเทคโนโลยีไม่จำเป็นต้องเป็น startup ไม่มีใครรวยเร็ว เราหวังว่ามันจะสำเร็จในระยะยาวมากกว่า การทำธุรกิจมันต้องมีกำไร และมันต้องใหญ่พอ 3 ปีแรกเราอาจยอมขาดทุน แต่เราจะต้องเข้าถึง critical mass ให้ได้ แล้วปีที่ 4 มันจะ cover ทั้งหมด

พี่ยอด : กล้วยตากไม่ใช่ startup แต่ถ้าทำอะไรให้คนทั่วโลก ทำกล้วยตากรสชาติตัวเองได้ อันนี้ใช่
ไม่ใช่ทุกคนเกิดมาเพื่อเป็น entreprenuers 

พี่ปิ๊บโป้ / เฮียอู๋ : ทีแรกผมไม่เห็นด้วย แต่มีคนนึงบอกว่า การเป็น entreprenuers มันอยู่ใน DNA มันเป็นคุณสมบัติที่ไม่ได้จะฝึกกันง่ายๆ แต่มันสร้างได้ สิ่งสำคัญที่สุดที่เห็นรอบตัวคือ ทุกคนมีความต้องการเรียนรู้สูงมาก ไม่หยุดพัฒนา เก่งขึ้นทุกวัน มี logical thinking ที่ดี ไม่ค่อยมีสายงมงาย เป็นคนคิดเร็ว ทำเร็ว

พี่ยอด : เชื่อว่าตัวเองสามารถควบคุมอะไรซักอย่างได้ ต้องมีความอดทน มีความถึกสูง เป็นธุรกิจที่รวยช้า อดทนให้ถึงวันนั้น Mark Zuckerberg ก็ 8 ปีกว่าจะรวย Steve Jobs ก็ทำงานตลอดชีวิต เราต้องพร้อมจะอยู่กับสิ่งนี้ 5-8 ปีเป็นอย่างน้อย

พี่เนย : รักในสิ่งที่ทำ ถึก เรียนรู้ตลอดเวลา

คุณแม็กซ์ : สังคมเราให้ value กับผู้ประกอบการมากไปหน่อย ชีวิตใน facebook ของทุกคนมันจะดูดีผิดปกติ ถ้าเกิดทุกคนเป็นครูหมด ใครจะเป็นนักเรียน สังคมมันเดินได้ด้วยความแตกต่าง mindset entreprenuers เป็นสิ่งดี แต่ไม่จำเป็นว่าทุกคนต้องเป็น มันมีความสำเร็จในแบบของตัวเอง ทุกคนอยากออกมาทำ startup เพราะไม่อยากทำงานประจำ ถ้าเราอยากทำอะไรอีกอย่างเพราะไม่อยากทำอีกอย่าง อันนี้จะไม่ใช่ละ เพราะเราไม่ได้รักมันจริงๆ การเรียนไม่จบของเหล่าคนดังเป็นเพราะเค้ามีอะไรที่อยากทำมากกว่าการเรียน

พี่ยอด : สังคมรับ entrepreneurs มากไม่ได้อยู่แล้ว 1/10 จะ raise fund ได้ แล้วคนที่ raise ได้ 1/10 ก็จะประสบความสำเร็จ (exit)

พี่เนย : กว่าจะถึงจุดนั้นมันยาก แต่มันต้องถึก

--ตอนเริ่มต้นทีมต้องมีใครบ้าง?

พี่ปิ๊บโป้ / เฮียอู๋ : ผมต้องมี tech guys เพราะผมไม่ใช่สายนั้น ผมมองว่า 3 คนก็เหลือเฟือแล้ว : business design tech นอกจากจะมี skill โดดเด่นของตัวเองแล้ว ควรจะคุยเรื่องอื่นได้ด้วย ควรมีทุนให้รู้ว่าตัวเองจะอยู่บน run way ได้กี่เดือน เอาตัวไปฝังอยู่ใน co working space หรือเข้าไปในมหา'ลัย

--วิธีการเลือก co founder 

พี่ยอด : เป็นเพื่อนเรียนเลย มี business 1 นอกนั้นอีก 3 เป็น tech หมดเลย มีความขยันเท่ากัน เพราะเราต้องอยู่ด้วยกันไป 5-10 ปี ทำงานเท่ากัน มี work ethics เท่ากัน บางทีอาจจะเจอรักแรกพบก็ได้ แต่ต้องคุยกันให้เคลียร์ตั้งแต่ต้น

พี่ปิ๊บโป้ / เฮียอู๋ : เคยเจอตามงาน event คุยกันรู้เรื่อง แต่เค้าติดงานประจำ สุดท้ายก็ต้องแยกทางกัน เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ควรทำสัญญาจริงจัง ถ้าจะออกต้องขายหุ้นคืนบลาๆ 

พี่เนย : หาทีมที่ดี เข้าใจตรงกัน 

--Investor มองหา startup ที่มีคุณสมบัติแบบไหน และเราจะเจอ Investor ได้ยังไง?

พี่ยอด : เค้ามองเรื่อง market size อยู่ในตลาดที่น่าสนใจแค่ไหน, team ที่เก่ง และเค้าเชื่อมั่น ที่เหลือคือ business mode, pivot มันเปลี่ยนกันได้ อย่างของ Wongnai 2010, 2011 ไม่มีเลย พอ 2012, 2013 มี investor ติดต่อมาหาเราเอง หน้าที่ของ CEO คือ ทำบริษัทเราให้มีคนใช้จริงๆ 

คุณแม็กซ์ : เค้าหาของที่น่าสนใจในการลงทุน เพื่อทำให้เงินเค้าเติบโตขึ้น เงินจริงๆ ที่เราต้องได้ตอนจบเกม คือเงินจากลูกค้า ไม่ใช่เงินของนักลงทุน การ raise fund ได้หลายรอบ ไม่ได้เรียกว่าประสบความสำเร็จ ให้เป็น product ที่คนรัก คนขาดไม่ได้ แต่เราไปถึงพวกเค้าด้วย investor, investor จะมาตามแหล่งงานพวกนี้แหละ 

พี่ยอด : เวลาไปผับแล้วเราหุ่นดี investor จะเข้ามาหาเราเอง โดยที่เราไม่ต้องไปหาเค้าที่ห้อง ถ้าเราเข้าหาก่อน negotiation power จะอยู่ที่เค้า “สวยเลือกได้” สำคัญมาก

พี่เนย : ทำตัวให้ sexy ออกกำลังกายด้วย

พี่ปิ๊บโป้ / เฮียอู๋ : social platform ยังหาเงินไม่ได้ใน day1 เราควรมี goal ว่าถ้าถึงจุดนี้แล้วเราจะหาเงินยังไง ตลาดไทยมีความเสี่ยงสูงกว่าเมืองนอก

พี่ยอด : เงินนักลงทุนมีวันหมด สุดท้ายจะไม่มีคนให้เงิน ถ้าเราไม่ทำกำไร

พี่เนย : การ raise fund ไม่ใช่ความสำเร็จ 

พี่ยอด : บริษัทที่ raise แล้วเจ๊ง มีเยอะแยะแค่เค้าไม่ได้พูดถึง

คุณแม็กซ์ : ทำ model ให้เกิดมูลค่าจากสิ่งที่เราทำ ถ้าบอกว่ามาทำให้โลกดีขึ้น เราก็ไม่มีอะไรจะกิน พอๆ กับหนังไทยตอนจบ ที่แต่งงาน จบบริบูรณ์ หลังจากนั้นยังมีอะไรอีกตั้งหลายอย่าง

--ฝากอะไรดี?

พี่ยอด : ใครก็เป็นได้ แต่คนที่ประสบความสำเร็จก็มีจำนวนอยู่เท่าเดิม เงินมีมาก นักลงทุนอยากลงทุนมาก มันคือการแข่งขัน ยิ่งคนอยากเป็นมากเท่าไหร่ การแข่งขันก็มากเท่านั้น ยุคพี่ยอดปัญหาคือไม่มีเงิน แต่ตอนนี้คือมีคู่แข่งจำนวนมาก กลับไปที่ office ของคุณในวันนี้ แล้วทำ product ของตัวเอง

พี่ปิ๊บโป้ / เฮียอู๋ : อย่าหยุดเรียนรู้ การแข่งขันมันสูงขึ้น การที่เราอยู่ที่เดิม มันก็เท่านั้นแหละ เรียนรู้ด้วยตัวเองเพิ่มขึ้นทุกวัน จัดการเวลาให้เป็น

คุณแม็กซ์ : เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่คนส่วนใหญ่ของประเทศให้ความสนใจ ใครจะไปเชื่อว่ากลายเป็นวาระแห่งชาติ นายกลงมาเดินพูดคุยด้วย ถ้าตักตวงได้ก็มีโอกาสได้ไปเจอกับข้างนอก เวลาเราทำธุรกิจเราชอบทำอยู่ในตลาดบ้านเรา ถ้าเราเอาของเราไปให้ต่างชาติใช้ได้ มันก็มีโอกาสขยายธุรกิจได้ 

พี่เนย : ความต้องการ programmer 100 หาได้ 1 ผมทำการสำรวจเอง หายากมาก แต่ถ้าหาได้ ควรให้เป็น CTO (co founder) เลยนะ

พี่ปิ๊บโป้ / เฮียอู๋ : คุณสมบัติอย่างหนึ่งของ founder คือต้องหาเพื่อนร่วมอุดมการณ์ให้ได้ pitch แรก คือ การหาคนร่วมงาน ถ้าไอเดียเรา solid แล้วเค้าอิน แสดงว่าไปกันได้ ไม่งั้นก็จะได้แต่คนเบลอๆ มาทำอะไรเบลอๆ ไปด้วยกัน

พี่เนย : การรู้จักคนเยอะ จะมีโอกาสได้เจอคนที่เราต้องการมากขึ้น 


เทคนิคที่พี่ๆ ฝากมาให้สำหรับ startup เนี่ย มันใช้ได้กับเราทุกคนเลยนะ ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไร หรืออยู่ในวงการไหนก็ตาม การยืนอยู่กับที่เฉยๆ คือการเปิดโอกาสให้คนอื่นแซงหน้าได้ ทุกวันนี้เรายังคิดว่าเราจัดการเวลาไม่ค่อยเป็นอยู่เลยยยย T T

...

ก่อนหน้า Blog นี้มี >> 

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประสบการณ์ตรงกับการโดน Facebook บังคับเปลี่ยนชื่อ ทำอะไรไม่ได้นอกจาก "รอ"

สองชั่วโมง สองที่เที่ยว ด้วย เรือหางยาว เจ้าพระยา

น้องนีโม่ กับ โรคฉี่หอม