บันทึกการเดินทาง: แม่สะเรียง แม่ลาน้อย ขุนยวม ปางอุ๋ง

24 Nov 11

ตื่นแต่เช้า เพื่อไปดูบรรยากาศ และวิถีชีวิตของคนแม่สะเรียงกันเสียหน่อย อย่างแรกต้องขอชื่นชมที่พักแห่งนี้ ที่มีจักรยานบริการคนที่มาพัก ห้องละ2คัน แต่ถ้าห้องอื่นไม่ใช้สิทธิ์ เราก็ขอใช้สิทธิ์เกินได้นะคะ 55

ถนนที่แม่สะเรียง เป็นถนนเส้นเล็กๆ ที่มีรถไม่มาก ส่วนมากเค้าก็ใช้รถมอเตอร์ไซค์กัน เหมือนกับชนบททั่วไป ที่นี่รถไม่ติด ซึ่งเราก็อยากให้ กทม. เป็นแบบนี้บ้างน่ะนะ (ฝันไปเอง)



ขี่จักรยานกันไปเรื่อยๆ เลาะริมน้ำยวม แล้วก็ไปโผล่เข้าไปในตลาดสดยามเช้าของเมืองแม่สะเรียง ครึกครื้นน่าดู ระหว่างการขี่จักรยานก็แวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ คนที่นี่เค้าคงคิดว่าพวกเราแปลกไม่ใช่้น้อย แต่ไม่แน่นะ เค้าอาจจะชินแล้วก็ได้ ที่นี่มีการจัดระเบียบที่ดีมาก มีการแบ่งโซนที่พัก จำพวกรีสอร์ท โรงแรมออกมาต่างหาก ไม่ให้ไปปนกับที่อยู่อาศัยของคนที่นี่ ถ้าทุกที่มีการวางแผนการจัดการที่ดีแบบนี้ ธรรมชาติดีๆน่าจะอยู่กับเราไปอีกนานเลยแหละ


เท่าที่ขี่จักรยานผ่านตัวเมือง พบว่า เมืองแม่สะเรียงเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีความสงบ เอาจริงๆแล้ว เคยไปพักที่ตัวเมืองแม่ฮ่องสอนอยู่เหมือนกัน ที่นั่นก็มีความเงียบสงบ ซึ่งเหมาะแก่การมาพักผ่อน และแน่นอนว่า แตกต่างจากการพักที่ปาย โดยความเห็นส่วนตัว เคยไปพักที่ปายมาครั้งหนึ่ง ค่อนข้างจะเต็มไปด้วยฝรั่ง แถมฝรั่งทั้งหลายยังเป็นเจ้าของกิจการร้านค้าอีกต่างหาก อีกทั้งมีถนนคนเดิน จึุงทำใ้ห้เมืองปาย กลายเป็นเมืองเชียงใหม่ไปหน่อยๆ เหมาะกับการไปกับเพื่อนฝูงมากกว่าไปพักผ่อนกับครอบครัว

กลับมาที่แม่สะเรียงก่อนดีกว่าค่ะ หลังจากที่เราขี่จักรยานวนๆกันได้นิดหน่อย ก็กลับไปทานอาหารเช้า แล้วออกเดินทางไปยังถ้ำแก้วโกมลค่ะ แต่ก่อนอื่น ได้แวะไปที่วัด...(จำชื่อวัดไม่ได้ค่ะ) เพื่อไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของแม่สะเรียงแห่งนี้


แล้วก็ได้บังเอิญไปเห็นต้น "ไก่ฟ้าพญาลอ" เข้า (ถามชื่อจากหลวงพี่ที่วัด)

ต้นไก่ฟ้าพญาลอ/ไก่ฟ้า
ดอกสวยแต่มีกลิ่นเหม็น ไม่ใช่ไม้กินแมลง (แต่ตอนแรกมองไกลๆ นึกว่าเป็นต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงเหมือนกันนะ) เป็นไม้เถาเลื้อยนำเข้าจากต่างประเทศ ต้องหาหลักให้เลื้อย ชอบแดด รดน้ำวันละครั้ง ไม่ชอบน้ำเท่าไรนัก อายุสั้น ออกดอกเถาก็มักจะตายหรือแตกโคนใหม่

ที่มา http://www.thailantern.com/main/boards/index.php?showtopic=1253




 ได้เก็บดอกที่ร่วงกลับมาด้วย 3 ดอก (เรียกเป็นตัวก็ได้มั้ง) พอเก็บลงมาแล้ว เราว่ามันเหมือน ซากหนูตายมากกว่า (ไม่ชอบส่วนตัว)

จากนั้นก็เดินทางต่อไปยัง ถ้ำแก้วโกมล แต่ระหว่างทางก่อนจะไปถึงถ้ำ ได้เจอกับ "จุดชมวิวแม่ลาน้อย" ก็เลยต้องโดดลงจากรถมาถ่ายรูปกันซะก่อน ^ ^


เป็นของอย่างแรกที่ต้องโดดขึ้นไปเล่นซะหน่อย


ชิงช้าของชนเผ่าอะไรก็ไม่รู้ค่ะ เนื่องจากมันสูงที่สุดเลยเล่นอันนี้ (ต้องโดดขึ้นไปนั่ง) 55+


จุดชมวิวแม่ลาน้อยแห่งนี้ มีการเลี้ยงแกะด้วย จากการฟังการเล่าของ นายกเทศมนตรีแม่ลาน้อย ท่านบอกว่า เมื่อตอนปี 2519 (หรือ 2521เนี่ยแหละ) ในหลวงและพระบรมโอฯ มีดำริ(เค้าใช้คำนี้หรือเปล่านะ) ให้เอาแกะมาเลี้ยงที่นี่ค่ะ


แล้วก็ถือเป็นความโชคดี ที่ได้เห็นแกะตั้งหลายตัวโดดเข้ากรงอย่างสวยงาม แต่ถ้าสวยสุดต้องตัวนี้เลย

เขาสวยมาก!!!!


เดินลงจากเนินมาหน่อย ก็จะเจอกับกองดอกบัวตองน้อยๆ


ขอซักนิด ก่อนจะไปเจอกับทุ่งดอกบัวตองนะคะ


เอาหล่ะ เสียเวลามามากแล้ว เดินทางไปถ้ำกันดีกว่าค่ะ!!!


ถ้ำแก้วโกมล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2544 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อว่า “แก้วโกมล” หมายความว่า “ถ้ำแห่งแก้วอันงาม” ตั้งอยู่บริเวณเขาดอยถ้ำ หมู่ 14 บ้านห้วยมะไฟ ตำบลแม่ลาน้อย เป็น 1 ใน 3 สุดยอดถ้ำที่สวยที่สุดของโลก คือ ค้นพบที่ ออสเตรเลีย จีน และ อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน ที่นี่เองค่ะ


ถ้ำแห่งนี้มีการเปิดให้เข้าชมเป็นรอบ ๆ ละ 20 นาที ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น. รอบละไม่เกิน 15 คน แต่ตอนเราไปลงกันไปแค่ 8 คนเองค่ะ (สงสัยยังเช้าอยู่ เพราะว่าตอนออกจากถ้ำมีคนมารอเข้าชมรอบต่อไปกันเต็มเลย)

ช่วงเวลาในการเี่ที่ยวชม สามารถเที่ยวได้ตลอดปี แต่ช่วงที่ดีที่สุดคือช่วงเดือนตุลาคม-เมษายน เพราะเป็นช่วงที่น้ำในถ้ำแห้งสนิท ไม่เปียกชื้น รวมถึงไม่มีหยดน้ำจากเพดานถ้ำให้รำคาญ และเนื่องจากถ้ำแก้วเป็นโพรงถ้ำที่อยู่ลึกลงไปใต้ดิน อากาศถ่ายเทไม่สะดวก นักท่องเที่ยวที่มีสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงหรือมีโรคประจำตัวจึงไม่ควรเข้าไปในถ้ำ (ขนาดคนปกติ ตอนขากลับ ยังแอบหอบหน่อยๆเลย เนื่องจากมันเดินลงไปค่อนข้างลึกมาก) และที่สำคัญ ห้ามแตะต้องอะไรในถ้ำเป็นอันขาดค่ะ นอกจากราวบันได 55+ แต่ยังมีที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เค้าไม่ให้ถ่ายภาพ ไม่ให้เอากล้องเข้าไป (เค้าเสียใจมาก T T) เลยต้องเก็บภาพเอาไว้ในสมองน้อยๆแทนค่ะ


ถ้ำน้ำแข็ง หรือถ้ำแก้วโกมล มีลักษณะ เป็นโพรงในแนวดิ่ง 30 เมตร มีทางเดินและทางออกทางเดียวประมาณ 120 เมตร (เพราะมันเป็นแนวดิ่งเนี่ยแหละ เลยทำเอาเหนื่อยเลย) ภายในถ้ำเต็มไปด้วยผลึกแร่แคลไซต์ที่ผนังและเพดานถ้ำ ผลึกมีรูปร่างลักษณะแตกต่างกัน เช่น ผลึกคล้ายเกล็ดน้ำแข็งขนาดเล็กละเอียด สีขาว ซึ่งเป็นลักษณะเด่นที่สุดของถ้ำ ผลึกคล้ายเกล็ดน้ำตาล หรือผลึกแร่ควอตซ์ ผลึกที่จับตัวกันคล้ายปะการัง ผ้าม่าน โคมไฟเพดาน ผลึกงอกและย้อยเป็นเสาและแท่ง ภายในถ้ำแบ่งเป็น 5 ห้อง 

• ชั้นที่หนึ่ง นามห้อง พระทัยธาร -- เนื่องจากเป็นห้องแรก แร่สีขาวเลยกลายเป็นสีดำไปเกือบหมด (แย่ชะมัด)
• ชั้นที่สอง นามห้อง วิมานเมฆ --
• ชั้นที่สาม นามห้อง เฉกหิมพานต์ -- 
• ชั้นที่สี่ นามห้อง ม่านผาแก้ว -- อันนี้มีเป็นปะการัง แล้วก็มีแบบเป็นเข็มๆทิ่มออกมา (สวยดี)
• ชั้นที่ห้า นามห้อง เพริดแพร้วมณีบุปผา -- มองแหงนหน้าขึ้นไปจะเห็นคล้ายๆกับม่านสีน้ำตาล ที่ไหลๆเหมือนน้ำตาเทียน (เป็นที่ๆเรามีเหมือนกับจีน) แต่เราชอบแร่ที่เป็นแบบเข็มทิ่มออกมา สีขาวมากกว่านะ แหะๆ
http://www.travelmaehongson.org/maelanoi-thamkaewkomon.php
http://www.oceansmile.com/N/Mahongson/Tamkeawkomon.htm
http://www.chaime.net/forum/showthread.php?tid=397


ไกด์บอกว่า เมื่อก่อนไม่ได้จำกัดนักท่องเที่ยว มีเท่าไหร่ก็ปล่อยลงมา แล้วพอลงมามากๆก็ออกซิเจนไม่พอ ก็ต้องต่อท่อปล่อยออกซิเจนลงมา และนั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แร่สีขาวสวยกลายเป็นสีน้ำตาล-สีดำไปเสียหมด เนื่องจากเกิดการ oxidation ขึ้น คาดว่าอีกไม่กี่ปีนี้ มันต้องกลายเป็นสีดำหมดแน่ (แค่เส้นผมโดนก็ดำแล้ว -- บอบบางมากค่า) ทางแก้ที่สามารถทำได้คือ ปิดถ้ำเป็นเวลาหลายสิบปี แล้วค่อยเปิดให้เข้าชมใหม่อีกที T T

ส่วนเรื่องค่าเข้าชม อันนี้ไม่รู้เหมือนกัน เพราะว่าคนในพื้นที่ติดต่อมาให้ - -" อีกทั้งสามารถนำรถส่วนตัวขึ้นไปได้เอง เพราะว่าติดต่อไว้ก่อน (ถ้ามาเอง เค้าจะให้เอารถจอดด้านล่าง แล้วเหมารถสองแถวขึ้นไป) รู้สึกว่าการไป trip คราวนี้จะ priority สูงหน่อยๆ (ต้องขอคารวะท่านพ่อ ที่มีเพื่อนทั่วประเทศไทยแบบนี้)

คาดว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นโฆษณาของ Regency ก็มีสถานที่นี้อยู่ด้วยเหมือนกันค่ะ


(ช่วงเวลา 0.47 - 1.04)

หลังจากเดินเที่ยวถ้ำเรียบร้อย ก็เดินทางกันต่อ โดยแวะพักเติมพลังกันที่ ร้านอาหารครัวน้องกระถิน ที่ขุนยวมค่ะ หลังจากกองทัพต้องเดินด้วยท้องได้รับการเติมเต็ม เราก็ออกเดินทางกันต่อไปที่...

ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ค่า



วนอุทยานทุ่งบัวตอง อยู่ในท้องที่ บ้านแม่อูคอ หมู่ที่ 6 ตำบลแม่อูคอ อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่สุรินทร์ มีเนื้อที่ประมาณ 4,437 ไร่ ตั้งอยู่บนภูเขาสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางประมาณ 1,600 เมตร (ซึ่งจะเห็นไอ้คำว่าสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1600 เมตรได้เนี่ย ต้องเดินขึ้นไปบนยอดดอยที่มีศาลาน้อยๆวางตั้งอยู่) 

http://www.oceansmile.com/N/Mahongson/VaThungbuatong.htm
http://www.paiduaykan.com/76_province/north/maehongson/maxican_sunflower.html
http://www.oknation.net/blog/cm-arabica/2010/11/09/entry-1


ลำพังเดินปกติคงไม่เหนื่อยเท่าไหร่ แต่เสด็จพ่อที่รักดันบอกว่า "ให้เวลา 15 นาที แล้วไปเจอกันที่รถ" (คือพ่อกับแม่ไม่ยอมเดินขึ้นมานั่นเอง) เรากับน้องก็วิ่งขึ้นบันไดสิคะ ไม่ต้องบอกว่า "หอบกิน" ขนาดไหน (อยากจะเป็นลมตายให้ได้) 


แต่ไหนๆมาถึงที่แล้วก็ต้องเอาให้ถึงขั้นบนสุดให้ได้ ก็เลยวิ่งแบบ non stop กันขึ้นมาค่ะ
(ความจริงก็แอบพักนั่นแหละ) 


พอมาถึงด้านบนก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะว่าเห็นหุบเขาที่ซ้อนกันอยู่ เห็นทุ่งบัวตองอร่ามตา
(แต่เราว่ามันแอบเหี่ยวไปเยอะแล้วเหมือนกัน)


และเห็นท้องฟ้าแบบใกล้ๆ


ดอกบัวตองจะบานสะพรั่งในช่วงเดือน พฤศจิกายน- ต้นเดือนธันวาคม



เห็นศาลาเขียวๆนั่นไม๊คะ นั่นแหละค่ะที่วิ่งหน้าตั้งกันขึ้นไป - -"



ดอกบัวตอง ดอนแม่อูคอแห่งนี้ เป็นทุ่งดอกบัวตองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ซึ่งมีให้ชมเพียงปีละครั้งเท่านั้น


 ถ้ามีโอกาส ก่อนที่มันจะร่วงโรยไป อย่าลืมไปเที่ยวกันซักครั้งนะคะ


เนื่องจากในใจสนใจแต่การถ่ายภาพดอกบัวตอง จนเืกือบทำให้ลืมเจ้าตัวนี้ไป (น้องเป็นคนสังเกตเห็น)
นกแก้วที่โดนล่ามไว้บนคอนไม้เล็กๆ ไม่รู้ว่าโดนตัดปีก ทำให้บินไม่ได้ด้วยหรือเปล่า??


หลังจากวิ่งลงเขากันมาแบบหอบๆ รู้สึกเหมือนตัวเองเบาลงเลยทีเดียว 55+


แล้วก็โดดขึ้นรถกันต่อ เพื่อเดินทางไปยังปางอุ๋งค่ะ!!!

กว่าจะไปถึงปางอุ๋งก็ 18.30 แล้ว ที่นี่มืดมากเลย แถมอากาศก็เย็นๆด้วย น่าจะประมาณ 25 องศาได้ ที่พักที่เราได้เข้าพักเป็นของกรมป่าไม้(อันนี้ก็ต้องจองมาเหมือนกัน) หลังจากที่ขนของเข้าที่พักเรียบร้อย ก็ทานอาหารเย็นกันที่ร้านอาหารของที่พักนี่แหละ ซึ่งการสั่งอาหารที่นี่ต้องถามแม่ครัวว่ามีอะไรบ้าง (ของมีจำกัดเจ้าค่ะ) เมื่อโซ้ยกันเสร็จเรียบร้อย ก็ได้เวลาไปอาบน้ำนอนค่ะ เพราะว่าที่นี่เค้าจะตัดไฟตอน 22.30 น. (แต่น้ำอุ่นที่อาบ เป็นเครื่องทำน้ำอุ่นแบบใช้แก๊ส -- น่าเสียดายที่ลืมถ่ายภาพมา) แถมยิ่งดึกก็ยิ่งหนาว น่าจะเหลือ 15 องศาได้่ บรื๋ออออ~

แต่ดันมีเจ้าตูบน้อยมาขอ "เนื้อฟาน" จากพ่อ นั่งได้น่ารักซะด้วยสิ ตาใสกิ๊งเลย
เลยอดใจไม่ไหว ต้องให้มันเป็นนายแบบซักภาพ ><


ระหว่างเดินกลับที่พัก มองแหงนขึ้นไปบนฟ้า 

ดาวเต็มฟ้าเลย ^^ 
เนื่องจากฟ้ามืด และไม่มีแสงไฟรบกวน ทำให้ดาวสุกสว่างกันอย่างเต็มที่

คืนที่ดาวเต็มฟ้า ฉันจินตนาการเป็น...

To Be Continued

ปล. เจอแมงมุมสีดำ ตัวขนๆ ขนาดเท่ากำมือ ตกลงมาจากเพดานห้องน้ำ ลงไปในชักโครก ตอนอยู่ในห้องน้ำ ตกใจหมดเลยค้าบ T T

ความคิดเห็น

  1. เจอแมงมุมสีดำ ตัวขนๆ ขนาดเท่ากำมือ ตกลงมาจากเพดานห้องน้ำ ลงไปในชักโครก ตอนอยู่ในห้องน้ำ ตกใจหมดเลยค้าบ T T <<< สยองมาก - -

    ตอบลบ
  2. ต้องบันทึกถ้ำโกมลไว้เป็นเป้าหมายการลุยเหนือรอบหน้าล่ะ (ถึงจะถ่ายรูปไม่ได้ก็เถอะ T^T)

    หลายๆ ที่ไปตอนฟ้าไสกิ้งอย่างนี้อิจฉาโคตร ที่เราไปดอกบัวตองก็ขึ้นนะ แต่ไม่เยอะเท่านี้ชาวเขาปลูกรวมๆกันหมด

    เพลงจบนี้ช่างตรงใจเราเสียเหลือเกิน...

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประสบการณ์ตรงกับการโดน Facebook บังคับเปลี่ยนชื่อ ทำอะไรไม่ได้นอกจาก "รอ"

สองชั่วโมง สองที่เที่ยว ด้วย เรือหางยาว เจ้าพระยา

น้องนีโม่ กับ โรคฉี่หอม