พูดไม่ออก บอกไม่ถูก ภาพ PR ลองดีกับดีแทคภาพนี้นี่มันฮอตจริงๆ [Case Study]

ภาพที่คุ้นเค๊ยคุ้นเคย( แบบตัดต่อชัดๆ ) มันกลับมาอีกแล้วค่า


ภาพนี้น้อง Natthaphon T. ส่งมาให้ทาง Facebook message เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2557 เวลาประมาณ 1 ทุ่ม น้องบอกว่าเห็นที่ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพาค่ะ...

น้องบอกว่า
"ไวนิลนี้คิดว่าน่าจะติดได้สักพักละนะ เดินผ่านบ่อยๆ วันนี้อะไรดลใจไม่รู้ แหงนหน้าไปมอง ชัดเบยยยย"

เผื่อว่าใครไม่เคยเห็นเรื่องนี้มาก่อน แนะนำให้ไปอ่านเร็วๆ ที่ PR ลองดีกับดีแทคอยู่ดีๆ กลายเป็น PR รับทำโปรเจคจบซะงั้น [Case Study] ก่อนเลยค่ะ

เอาจริงๆ นึกว่าเคสรับทำโปรเจคจบเกิดปีที่แล้ว มาดู Blog อีกที เพิ่งจะเจอเมื่อต้นปีนี้เองนี่หน่า นี่ค่อนมาทางปลายปีหน่อย เจออีกละ คืออาร๊ายยยยย

ตอนที่เห็นภาพ บอกได้เลยว่า ตัดขาดสัญญาณใดๆ จากโลกภายนอกไปเลย (นั่งอยู่บน BTS) คือช็อคแบบพูดอะไรไม่ออก (ใบ้กิน) เกิดคำถามขึ้นในหัวว่า
  • ภาพนี้กลายเป็นภาพฟรีไปแล้ว?
  • มันไม่ได้เป็นลิขสิทธิ์ของดีแทคเหรอ?
  • ทางมหาวิทยาลัยขอใช้อย่างเป็นทางการแล้วหรือเปล่า?
คือภาพนี้มันหาง่ายมาก search Google ก็เจอ (สงสัยว่า SEO จะดีเวอร์)

อันที่จริงป้ายนี้มันก็ไม่ได้เสียหายอะไร คือไม่ได้ส่งผลร้ายต่อทางคนที่อยู่ในภาพ ไม่เหมือนภาพที่ไปอยู่ในเว็บรับทำโปรเจคจบ แต่มันก็ทะแม่งๆ อยู่ตรงที่...
เด็ก 6 คนในภาพไม่มีใครเรียนมหาวิทยาลัยบูรพาเลยนะ
โดยหลักการแล้ว ทางมหาวิทยาลัยควรจะเอาภาพนักศึกษาของสถาบันตัวเองมาทำประชาสัมพันธ์ ไม่ใช่เหรอคะ?

โอ๊ย ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ไม่รู้จะทำยังไงกับเคสนี้ดี ถ้ามองในแง่ดีคือภาพนี้ดีมาก ฮอตมาก ถึงได้ใช้กันแพร่หลายขนาดนี้

ภาพต้นฉบับ
หรือจะมีใครเอาภาพนี้ไปลงขายใน stock photo แล้วนะ?

มีเพื่อนเสนอให้เอาไปลง Pantip สังคมอุดมนักสืบ เรื่องจะได้ไปไกล เอาจริงก็อยากทำเหมือนกันนะ น่าจะแรงอยู่ แต่ว่า...กลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องดราม่าใหญ่ (คุมไม่อยู่) แล้วมหาวิทยาลัยก็จะเสียชื่อ เรื่องนี้อาจจะมีคนรู้เรื่องไม่กี่คน ควรจัดการ/หาสาเหตุที่ต้นตอของปัญหาน่าจะดีกว่า

10 ก.ย. 2557 เวลา 10.44 น.

ด้วยความอยากรู้ความจริง ก็เลยลอง Facebook message ไปถามทาง "คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา"

แล้วก็ใจเย็นรอ ร๊อ รอ จนกระทั่งทางคณะวิทยาศาสตร์ตอบกลับมาอย่างจริงจัง (15 ก.ย. 2557)


เอาจริงตอนเค้าตอบกลับมาเมื่อวันที่ 11 ก.ย. 2557 ด้วยคำว่า "ว่า" นี่ช็อคไปเลยนะ แบบ . . . (ใบ้กินไปพักนึง) นี่เอาเด็กมาดูแลแฟนเพจของคณะหรือยังไง ถึงได้ตอบอะไรแบบนี้! (เดือดปุดๆ)

แต่พอ 15 ก.ย. 2557 ที่เค้าตอบกลับมาเป็นเรื่องเป็นราวแบบนี้ ก็โอเคเลย...

ความจริงก็ต้องการแค่นี้แหละ อยากให้ทางคณะ/ผู้รับผิดชอบ ได้รับรู้ว่าเค้าทำอะไรลงไป ยังไงก็


ขอบคุณคนที่่ดูแลเรื่องนี้ด้วยนะคะ

ถือว่าการสื่อสารออนไลน์มีประสิทธิภาพ เรื่องออนไลน์ได้จบลงแล้ว แต่ป้ายไวนิลออฟไลน์เจ้าปัญหานี่ทางคณะจะเอาลงจริงหรือไม่? งานนี้เลยต้องอาศัยน้องนัท (สายข่าวที่เป็นคนส่งภาพมาให้ตั้งแต่ต้น) ให้ช่วยเดินไปเช็คที่ป้ายให้หน่อย

นึกว่าเรื่องจะจบ... ยังนะฮะ ยัง

16 ก.ย. 2557 

เนื่องจากเป็นคนดื้ออยู่ในสันดาน... ไม่อยากลบ แต่จะจบยังไงให้สวยๆ ดี?
(เอาจริงเรื่องนี้มันก็ไม่สวยเท่าไหร่อยู่แล้ว)

แม่บังเกิดเกล้าของข้าพเจ้าให้ความเห็นว่า
คิดๆ ดู ความผิดพลาด จากความมักง่าย ของคนกลุ่มนึง ทำให้เกิดความเสียหาย แก่ภาพรวมขององค์กร และคนในองค์กรทั้งหมด ก็น่าเห็นใจ ให้บทเรียนสักพัก พอเย็นๆใจ แล้วค่อยลบ ขอปุ้บให้ปั้บ จะเคย ดูจะเป็นพวกเอาง่าย ทำง่าย ไปซะทุกเรื่อง ให้เจอของยากซะบ้าง ความคิดจะได้ประณีตขึ้น
Mr. zinuzoid ได้ให้ความเห็นว่า
ก็บอกเพจไป ว่าเอาป้ายออกไปยัง ขอรูปถ่ายเป็นหลักฐานหน่อย ถ้าคุณเอาลงแล้ว ขออีเมล์ขอโทษเป็นทางการว่าจะไม่มีการเอาป้ายไปใช้อีก แล้วเราจะลบให้ fair fair เอาจริงก็เสียเปรียบนิดหน่อย
ทางน้องนัทเองก็คิดไม่ต่างกันเท่าไหร่
เป็นผมก็ไม่อยากให้ลบนะ อยากให้มันคงอยู่ไว้พร้อมสอนไปด้วยว่าเบื้องหลังของเหตุนี้มันมาจากอะไรบ้าง เช่น การใช้รูปที่มีลิขสิทธิ์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไรแบบนี้อ่ะ แต่ก็นะ มันส่งผลภาพลบต่อเขาอยู่ดีจริงๆแหละ ไม่ค่อยมีใครองค์กรไหนที่จะออกมายอมรับความผิด(ที่รู้ดีกับไม่ได้เจตนา)ที่ตัวเองก่อขึ้น เดี๋ยวก็ถูกหาว่าสร้างภาพ(Thailand Only ใช่มะ?)
สุดท้ายก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมา (คิดได้ตอนกำลังเดินทางด้วยรถสาธารณะมาทำงาน)
พริ้วว่าจะไม่ลบ
จะขอให้น้องไปถ่ายป้ายที่เค้าเอาไวนิลลงแล้ว
แล้วเอาไป comment ใต้ภาพนั้น บอกว่า ทางคณะมาขอโทษ และปิดเคสแล้ว
ตอนแรกที่อยากให้น้องไปดูเฉยๆ คราวนี้เลยต้องขอภาพประกอบเพิ่มซักหน่อย

น้องนัทส่งมาให้ตอนบ่ายสามโมงของวันเดียวกัน พบว่าทางคณะได้ทำการปลดป้ายออกแล้วจริง ก็ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ


หลังจากที่ comment ปิดเคสไปใต้โพสท์นั้น ก็ได้ส่ง Facebook message ตอบกลับไปยังคณะฯ มีใจความดังนี้
ขออนุญาตไม่ลบภาพนะคะ
แต่เปลี่ยน privacy จาก public เป็น friends
และได้แจ้งไปใน comment แล้วว่า ได้เคลียร์กับทางคณะ คณะได้ทำการขอโทษและปลดป้ายลงแล้ว ขออนุญาตปิดเคสนี้นะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
สำหรับ post นี้ คนที่เป็น friends ของเรา สามารถเข้าไปดูได้ ...ที่นี่... นะคะ

เรื่องนี้สอนอะไรบ้าง

  • หากไม่แน่ใจว่าภาพนั้นมีลิขสิทธิ์หรือเปล่า เช็คให้ถี่ถ้วน ถ้าเช็คแล้วไม่แน่ใจ อย่านำมาใช้ เพราะโดนฟ้องร้องได้
  • ถ้าอยากได้ภาพที่อยู่บนอินเตอร์เน็ต ให้ชัวร์ก็ซื้อลิขสิทธิ์ภาพจากพวก Stock Photo ดีกว่าเนอะ
  • ถ้ามีวัตถุดิบอยู่ในมือ สามารถสร้าง content ได้เอง ก็ควรทำด้วยตัวเอง ยังไงมันก็เป็นลิขสิทธิ์ของเรา
  • "ปลาเน่าตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง" ...คนไม่ดีคนเดียวเสียหมดทั้งหมู่คณะ
  • ดีนะ...ที่ไม่เอาเรื่องไปลง Pantip #ไม่เกี่ยว

~ ~ ~ ** ~ ~ สวัสดี ~ ~** ~ ~ ~

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประสบการณ์ตรงกับการโดน Facebook บังคับเปลี่ยนชื่อ ทำอะไรไม่ได้นอกจาก "รอ"

สองชั่วโมง สองที่เที่ยว ด้วย เรือหางยาว เจ้าพระยา

น้องนีโม่ กับ โรคฉี่หอม