สองชั่วโมง สองที่เที่ยว ด้วย เรือหางยาว เจ้าพระยา


วันนี้ได้รับโอกาสจากพี่ดิ๊งให้มาลงเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยาร่วมกับทีม Rangy Paysbuy และ Budnow (ต้อง Highlight ชื่อผู้มีอุปการคุณนิดนึง) เรานัดเจอกันตอน 14.30 น. ที่ท่าพระอาทิตย์ โดยให้ปัก Location ว่าเป็นร้านเวนิส วานิช เราจะลงเรือหางยาวกันที่ท่านี้ ไม่ใช่ท่าที่เรือ Taxi จอด



ไอ้เราก็กลัวว่าวันนี้รถจะติด เพราะปิดถนนนู่นนี่ มีซ้อมเคลื่อนขบวนพระศพพระสังฆราชเอย จะ Bike For Dad พรุ่งนี้เอย ก็เลยออกจากบ้านตั้งแต่บ่ายโมงนิดๆ โดดขึ้นรถเมล์สาย 80 วิ่งจากจรัญสนิทวงศ์ 35 ข้ามมาทางสะพานพระปิ่นเกล้า แล้วลงเดินอีกนิดหน่อย สรุปว่ามาถึงตั้งแต่ยังไม่บ่ายสอง รถไม่ติดเลยจ้า โล่งมากถึงมากที่สุด ถ้ากรุงเทพเป็นแบบนี้ทุกวันก็ดีสิ



ทุกคนทยอยมากันเรื่อยๆ จนเหลือแค่แก๊งพวกเรา นั่นคือ พี่ปุ้ม และ พี่แทนนี่ (พี่ยูกิตามหลังเรามาติดๆ)
ฝั่งพี่ปุ้มก็ทะเลาะตบตีกับ Uber ที่ขับรถกาก - ความจริงคือเค้ามารยาทดีเกินไป (แต่ก็ยังมาก่อนเวลานะจ๊ะ) จวนใกล้เวลาบ่ายสามโมง พี่แทนนี่ ที่แว๊นมาจากรังสิต (ไปประชุม เสร็จตอนบ่ายสอง) ก็วิ่งมาโดดลงเรือได้ทันเวลา ถ้ามาช้ากว่านี้ คือเรือออกแน่ๆ อะ บายยยยยยยยยยย


แล้วเราก็ออกเดินทางด้วยเรือหางยาวจำนวน 3 ลำ มุ่งหน้าไปยัง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี



เรือพระราชพิธี เป็นเรือที่ใช้ในพิธีทางชลมารคที่เรียกกันว่า "กระบวนพยุหยาตราชลมารค" ที่เราเคยเห็นทางโทรทัศน์เวลามีงานใหญ่ๆ นั่นแล ตั้งอยู่ที่ปากคลองบางกอกน้อย ถนนอรุณอัมรินทร์ ตรงข้ามสถานีรถไฟบางกอกน้อยและโรงพยาบาลศิริราชไฮโซ สถานที่นี้เอาจริงๆ มันอยู่ใกล้บ้านเรามากกกกกกกกกนะ มากจนไม่เคยมาอ่ะ = ="



ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี สำหรับชาวไทย เสียค่าบริการคนละ 10 บาท ใครที่มีกล้องจะเสียคนละ 100 บาท ซึ่งในที่นี้เราไม่เสีย เนื่องจากผู้มีอุปการคุณที่กล่าวไปในตอนต้นค่ะ กราบงามๆ อีกครั้ง



ภายในพิพิธภัณฑ์ฯ จัดแสดงเรือพระราชพิธีสำคัญ 8 ลำ ได้แก่ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 เรือครุฑเหินเห็จ เรือกระบี่ปราบเมืองมาร เรืออสุรวายุภักษ์ และเรือเอกไชยเหินหาว (ขอบคุณข้อมูลจาก th.wikipedia.org)


ตอนที่ดูจากโทรทัศน์ก็อลังการแล้วนะ พอได้มาเห็นของจริง อื้อหืออออ อลังการมาก ลำบะเอ้กกกก งานละเอียด ฝีมือล้วนๆ
ตอนแรกกะว่าจะเซลฟี่กับท่านสุพรรณหงส์ซะหน่อย แต่ท่านสูงใหญ่ไปนิด เราก็เตี้ยด้วยไง เลยขอเก็บภาพท่านแบบปกติแทนแล้วกัน


จากนั้นเราก็วิ่งลงเรือไปต่อกันที่ บ้านศิลปิน คลองบางหลวง ณ จุดนี้เอง เราได้พบกับความ Fast & Furious ของเรือหางยาวลำนี้ (ชมคลิปตอนท้าย) นี่ถ้าไม่ได้อยู่ในน้ำจะนึกว่าอยู่บนรถเมล์สาย 8 !
พี่แกซิ่งทุกที่ ไม่ว่าจะในเจ้าพระยา หรือในคลองเล็กๆ ที่เราลัดเลาะผ่านเข้าไป (ซิ่งแล้วพัก ซิ่งแล้วพัก สงสัยกลัวเครื่องยนต์ระเบิด)

ระหว่างทางนั้นเอง พี่คนขับเรือแกมีการส่งส่วย (หรือยืมเงินซักอย่าง) กับเรือลำที่สวนมาด้วย คนที่นั่งมานี่เงิบไปตามๆ กัน (ฝรั่งในเรือลำนั้นก็เช่นกัน)


แล้วเราก็มาถึงจุดที่สอง ท่าเรือวัดคูหาสวรรค์ หรือ ตลาดน้ำคลองบางหลวง นั่นเอง ง ง ง ง
ณ ที่นี้เราตั้งใจมาบ้านศิลปิน ทำไมมันดูเงียบๆ ... อาจเป็นเพราะวันนี้ไม่ใช่เสาร์อาทิตย์



เดินด๊อกแด๊กผ่านบ้านไม้ชั้นเดียวริมน้ำ ที่มีอาหารปลาสีสันสดใสขายตลอดทาง (เค้าบอกว่าใช้สีผสมอาหารที่ถูก อย. ... ข้างถุงเขียนว่างั้น) พอโยนอาหารลงไปในน้ำเมื่อไหร่ กองพลปลาตัวบะเอ้กก็จะโผล่ขึ้นมารับประทานกันอย่างบ้าคลั่ง (ฮ่าาาาาา)


ชุมชนริมคลองบางหลวง เป็นชุมชนเก่าแก่ริมน้ำซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา คลองบางหลวง หรือ คลองบางกอกใหญ่ เดิมเคยเป็นแม่น้ำเจ้าพระยาสายเดิมมาก่อน แต่เพราะเป็นแม่น้ำช่วงที่โค้งอ้อมกินบริเวณกว้าง เวลาแล่นเรือผ่าน ก็จะเสียเวลาในการเดินทาง สมเด็จพระชัยราชาธิราชจึงโปรดเกล้าฯให้มีการขุดคลองลัดขึ้นในปี พ.ศ.2065 เพื่อร่นระยะทางและระยะเวลาสำหรับบรรดาพ่อค้าต่างชาติที่จะมาค้าขายเจริญสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรอยุธยา ภายหลังจากขุดคลองแล้ว คลองที่ขุดกลับมีขนาดใหญ่โตขึ้น เพราะกระแสน้ำไหลมากัดเซาะชายฝั่ง ขณะที่แม่น้ำสายดั้งเดิมค่อยๆ เล็กลง กลายสภาพเป็นคลองสายหนึ่งเท่านั้น 
เหตุที่เรียกคลองบางกอกใหญ่ว่าคลองบางหลวง เนื่องจาก เมื่อคราวที่สมเด็จพระเจ้าตากสิน มาสร้างราชธานีใหม่ที่กรุงธนบุรี ข้าราชการขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลายต่อหลายท่านมาจับจองสร้างบ้านกัน อยู่ริมคลองบางกอกใหญ่ เพราะเป็นบริเวณใกล้เคียงกับพระราชวังกรุงธนบุรี ชาวบ้านจึงเรียกคลองแถบนี้อีก ชื่อหนึ่งว่า "คลองบางข้าหลวง" และเหลือเพียง "คลองบางหลวง" ในที่สุด

ชุมชนริมคลองบางหลวง เริ่มจากวัดคูหาสวรรค์ หรือหากมาทางจรัญสนิทวงศ์ซอย 3 เข้ามาสุดซอย และข้ามสะพาน มาก็จะเจอบ้านเก่าที่นำมาปัดโฉมใหม่เป็นร้านค้า ร้านกาแฟ สำหรับนั่งทานชมวิวริมคลอง เป็นระยะทางเดินสั้นๆ ไปจนถึง บ้านศิลปิน   
(ข้อมูลจาก paiduaykan.com)

คือนี่ก็เป็นอีกที่นึงที่เรียกว่าใกล้บ้านมากนะ แต่ไม่เคยมาจ้า = ="


บ้านศิลปิน เป็นอาคารไม้ทรงมะนิลารูปตัวแอล ที่สร้างล้อมรอบเจดีย์เก่า ทายาทรุ่นสุดท้ายของบ้านนี้ขายให้กับคุณชุมพล แล้วท่านก็ปรับปรุงให้เป็นสถานที่แสดงงานศิลปะ แสดงหุ่นละครเล็ก


ชั้นล่างแบ่งเป็นพื้นที่เป็น ที่ทำงานศิลปะต่างๆ วาดภาพระบายสี มีขายของที่ระลึก โปสการ์ด รวมไปถึงมุมกาแฟ ที่ชาเขียวเย็นแก้วละ 25 บาท อร่อยมาก (ไม่เกี่ยว)

ชั้นสองเปิดเป็น แกลเลอรี่ แสดงงานศิลปะทั้งภาพวาดและภาพถ่าย


หุ่นละครเล็ก คณะคำนาย มีผู้ร่วมชีวิต 16 คน เปิดมา 6 ปีย่างปีที่ 7 เปิดการแสดงวันพุธถึงวันอาทิตย์ เวลาบ่าย 2 โมง วันจันทร์จะเป็นวันหยุดซักผ้า ส่วนวันอังคารจะเป็นวันซ่อมแซมหุ่น การแสดงของคณะนี้เป็นการแสดงแบบเปิดหมวกไม่ได้คิดค่าเข้าชม
การเปิดหมวกคือการเอาของมาแลกกัน รอยยิ้ม เสียงหัวเราะก็ถือเป็นสิ่งของที่แลกได้ (แต่ถ้าให้ดีเป็นเงินก็น่าจะดีกว่านะจ๊ะ ถือว่าเป็นกำลังใจให้กัน เป็นการช่วยกันอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย)
ตอนนี้กำลังจะปิดปรับปรุงบ้านทรงมะนิลาที่มีอายุกว่าร้อยปีนี้ เป็นการปิดปรับปรุงชั่วคราวไม่ได้ปิดแบบถาวรอย่างที่ลือกันในโลกโซเชียล (แผนการปิดปรับปรุงจะกินเวลา 15 - 30 วัน)


ช่วงที่ปิดปรับปรุง จะนำคณะหุ่นละครเล็กไปสัญจรที่ "ตลาดน้ำคลองลัดมะยม" วันเสาร์ อาทิตย์ เวลา 11 โมงครึ่ง (ตลาดน้ำคลองลัดมะยมอันนี้เราไปบ่อย ผูกพันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย เรียกได้ว่าเป็นรุ่นบุกเบิกตลาดนะคะ ขอบอกกกกก)
แต่ๆๆๆ ถ้ามาที่นี่ช่วงปิดปรับปรุง ก็สามารถมาดูการบูรณะซ่อมแซมบ้านทรงไทยในพื้นที่ที่จัดไว้ให้ได้จ้ะ
ถ้าต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม ไปที่นี่เลย https://th-th.facebook.com/Baansilapin


ความหงุดหงิดของวันนี้คือ มาไม่ทันดูการแสดง!!! ได้มาสัมภาษณ์อย่างเดียว เสียใจชะมัด T T ไว้จะต้องมาดูให้ได้เลย คอยดูนะ ฮึ่มมมมม

ก่อนจะลงเรือกลับ ขอเซลฟี่กับคุณลุงผิวสีแดงหน่อยนะฮะ (คุณลุงบอกว่า : ชั้นมารอพี่ที่ท่าน้ำทุกวินาทีเลย... บรื๋ออออ) 


ใช้เวลาเดินทางกลับไม่นานด้วยความ Fast & Furious ของพี่คนขับเรือ (ดังคลิป)


เราชอบดูพระอาทิตย์ตกกระทบกับน้ำ น้ำอะไรก็ได้จะจืด จะเค็ม สวยหมด ^^ (วัดอรุณฯ ยังซ่อมไม่เสร็จซักที)


แล้วเราก็ขอขึ้นที่ท่าเรือวังหลังก่อน (กลับบ้านง่ายกว่าหง่ะ) โบกมืออำลา สวัสดีพี่ๆ ที่ไปจบที่ท่าพระอาทิตย์ เป็นการปีนขึ้นท่าที่ลำบากมากขร่ะ! จะสูงไปไหนนนนน (ท่าเรือวังหลังกำลังปรับปรุง ดูดีทีเดียว)


เดินด๊อกๆ มาโผล่ที่ข้างโรงพยาบาลศิริราช ที่ๆ เราคุ้นเคย เฮ้ !!! จบทริปครึ่งวันอย่างสวยงาม :))


ว่าจะจัดทริปเที่ยวตามคลองต่างๆ - แม่น้ำเจ้าพระยา ด้วยเรือล่ะ ใครสนบ้าง อิ___อิ

**ภาพถ่ายด้วย Fuji XA2 ไม่ได้แต่งภาพใดๆ (เพราะขี้เกียจ 555+)

ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประสบการณ์ตรงกับการโดน Facebook บังคับเปลี่ยนชื่อ ทำอะไรไม่ได้นอกจาก "รอ"

น้องนีโม่ กับ โรคฉี่หอม