ในที่สุดเราก็มี #ywccontentmeetup1 เนื้อเน้นๆ สาระแน่นกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!

ฤกษ์งามยามดี เสาร์สิบเจ็ดธันวาห้าเก้า เราได้มี YWC Content Meetup เป็นครั้งแรกกันซักที (รอมานาน)

สำหรับ Sponsor ผู้ใจดีให้เรายืมสถานที่ทำการวันนี้คือ "Rabbit Digital Group" (เอ้า กราบพร้อมกันค่า) ที่ๆ ทำ office ให้เหมือนกับ The Intern และคล้ายๆ Google ที่นี่เป็นโกดังเก่า ทางเข้าหายากมาก (เดินมาจาก MRT หัวลำโพง ก็หลงทางอีก) แต่ข้างในเจ๋งจริง


ตามกำหนดการแล้ว เราควรเริ่มงานตอน 13.00 น. แต่! คนที่มาตรงเวลามีน้อยมาก (เมื่อเทียบกับคนที่กด Going) สิ่งที่เราต้องทำคือ?

Delay งานไปครึ่งชั่วโมง 

ถามว่ามันสมควรไม๊! แน่นอนว่าไม่ แต่ถ้าเหวี่ยงไปแล้วบรรยากาศจะดีขึ้นไม๊? ก็ไม่น่ะสิ
ในเมื่อมันต้องรอ ก็รอก็ได้ (มองบน มองล่าง กลับไปมา)

ระหว่างรอผู้คนมา เราก็คั่นเวลาด้วยการแนะนำตัวว่า ชื่ออะไร เป็นใครมาจากไหนกัน (ywc มีหลายรุ่นแล้ว บางคนไม่เคยเจอหน้าเลย)

จากนั้นเราก็เริ่มกันจริงๆ

Content & Social Trends 2017 - พี่เอ็ม khajochi

สถานะปัจจุบัน: ผู้ก่อตั้ง The zero
  • เป็น online publisher 
  • มีเว็บไซต์ mango zero
  • สร้าง creative content บน social news ทำทุกเรื่อง 
  • จากสถิติที่เปิดมา ทุก week จะมี content นึงที่ได้ล้าน reach เสมอ
โดยส่วนตัวพี่เอ็มวันๆ นึงอ่านข่าว IT เป็นร้อยข่าว และอยู่ในวง IT และ Startup มานานพอตัว ถ้าพูดถึง content อย่างแรก ก็จะนึกถึง facebook 
  • ปีหน้า facebook จะเปลี่ยนไป หลายแบรนด์เริ่มมองข้าม facebook แล้ว
  • จาก stat ของ ogilvy ยิ่ง post เยอะ คนยิ่งเห็นน้อยลง ที่ดีที่สุดคือวันละ post (แล้วใครจะทำ?)
  • เพจที่มีคน like 100k+ ยอด organic reach จะลดลงเรื่อยๆ 
  • อัตราการเติบโตของผู้ใช้งาน fb ก็น้อยลง
ปีหน้าอยากให้จับตา Line
  • เมื่อสองเดือนก่อน Line เชิญสื่อไป Japan เยอะมาก ทั่วเอเชียเลย มันคืองาน Line developers day ทำให้เรารู้สึกว่าปีหน้า Line จะน่ากลัวมากๆ
  • Line เริ่ม open platform เราสามารถเขียน program เข้าไปใน Line ได้แล้ว มี API หลายอย่างให้เราทำ และหลายแบรนด์ รวมถึง agency ก็เริ่มทำแล้ว
  • ที่ชัดที่สุดคือ line group plus มีคนได้มากที่สุด 100,000 คน ตอนสร้าง group จะมีให้เลือกว่าจะสร้าง type ปกติ หรือ plus โดย group นี้จะมี admin, moderator อยู่ด้วย สามารถ filter คนกับคำพูดได้ แล้วในนี้จะมี list ของ group ย่อยภายใน ซึ่ง group ย่อยจำกัดอยู่ที่ไม่เกิน 1,000 คน ลองจินตนาการถึงการขายรถมือสอง เราเป็น admin ของ group plus นี้ ข้างในแบ่งตามยี่ห้อ ตามรุ่น การที่เรามีคนอยู่ในมือจำนวนมาก แบรนด์ก็จะเข้ามาหาเรา ซึ่ง group plus นี้อาจจะมีเป็นเว็บด้วย
  • Line bot + messaging API หลายคนอาจจะเคยเล่นของ Wongnai แล้ว ที่น่ากลัวคือ Line พัฒนาการตอบกลับเป็นรูปภาพได้ button ได้ ฟอร์มได้ อย่างที่ญี่ปุ่นทำแล้วคือกดสั่ง แล้วก็ได้อาหารเลย
  • Line today ที่อยู่ใน timeline เราอาจจะไม่เล่น คิดว่าไม่มีคนเล่น แต่จาก "ตรวจหวย" เมื่อวาน มีคนหัวใจสี่หมื่นกว่า แสดงว่ามีคนอ่านเป็นแสน ทันทีที่กดหัวใจ มันไม่ใช่แค่ like แต่มัน share ด้วย ซึ่งคนที่ดูแล Line today ตอนนี้คือ พี่แบงค์ charath ปีหน้าพวกเพจดัง blogger น่าจะมาอยู่ในนี้มากขึ้น
Facebook
  • ที่มันเพิ่งเปิดไม่กี่วันก่อนคือ live 360 องศา สมมติ พี่ตูน bodyslam วิ่ง แล้วมีคนใช้อุปกรณ์ live 360 ไปด้วย จะทรงพลังแค่ไหน
  • ปีหน้ามาชัวร์ FB audience network + Video ซึ่งมันก็คือ Google adsense + Youtube แปลว่าทำวีดีโอลง FB แล้วมีรายได้กลับมาด้วย
Google
  • AMP อยู่บน google search (คล้าย instant article ของ Facebook) น่าจะมาเมืองไทย ไม่ q1 ก็ q2 เว็บไทยที่ยังไม่ optimize ให้ทำเลย ทั้งเว็บ content, e-commerce
Twitter
  • ทำตัวเองเป็น live platform - live ใน timeline โดยที่ไม่ต้องเปิด app อื่น มีการเก็บ record ไว้ได้
  • ไม่ใช่ social network แล้ว
  • เริ่ม deal พวกรายการถ่ายทอดสด สามารถดูได้ทาง twitter เช่น nba, ฟุตบอล, olympic
  • สามารถแยก region ได้อยู่แล้ว
  • มีผลการสำรวจพบว่า คนปกติเวลาดูรายการสดจะเล่น twitter ไปด้วย
Instagram
  • ก็ live ได้แล้ว มันจะไปโผล่ตรง story แต่ไม่เก็บ record
  • พยายามดันเรื่องโฆษณามากขึ้น เพราะตอนนี้รายได้ของ IG ไม่เยอะเท่ากับ FB
  • ปีหน้าอาจจะมีช่องทางใน IG ให้กดแล้วไปเว็บหรือไป FB page ได้มากขึ้น
Snapchat stories content
Facebook messenger stories ก็เพิ่งมา

* หลายแบรนด์ถ่ายวีดีโอเก็บไว้ ไม่ใช่การสดเสมอไป

คนทำ content ค่าตัวสูงขึ้นมากในปีที่ผ่านมา
คนทำ content ที่เป็นสื่อเก่า ผันตัวมาทำ online มากขึ้น
คนที่ทำ online อยู่แล้ว ค่าตัวเลยสูงขึ้น จะมีคนมาจ้างเพจมากขึ้น
หลายมหาวิทยาลัยเพิ่ม online content เข้ามาในสาขานิเทศศาสตร์แล้ว

Facebook ยังเป็นช่อง 7 ช่อง 3
ส่วน Line จะเป็นเหมือน workpoint tv
เทรนด์ที่ Line จะมา น่าจะกลางปีขึ้นไป
ตอนนี้ Line รับ dev in house เยอะมาก และน่าจะมีอะไรให้ว้าวกลางปี

สิ่งที่ต้องทำคือ
  • ทำ line@ ให้มี fans เยอะขึ้น เช่น fb มีแฟน 100k, ก็ทำช่องทางนี้ให้ได้ซัก 10k
  • ลอง post ลงใน line timeline
  • brand จะไม่ post แค่เพจอีกต่อไป


14.00

Head of Real time content - ป้อ #9

Real time content แบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ
  • viral เป็นวงกลมใหญ่สุดด้านนอก
  • targeting ถ้าตรงกลุ่มเป้าหมาย ก็จะแข็งแรงขึ้น จะเป็นเหมือนลูกค้าประจำของเรา
  • influencer อยู่ที่ตัวคนเล่า ไม่ว่าจะพูดอะไร ก็จะไปไกลมากขึ้น
viral content - แสงธรรม ส่องใจ
  • content ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหา
  • ex: กราบรถกู ขวัญกับแม่ของขวัญ
  • มีความสับสน ซับซ้อนในเรื่องดราม่า ฉันจะเล่าเรื่องนี้ยังไงให้คนเข้าใจ หรือจี้จุด
  • แก้ปัญหาความสับสนของการรับข้อมูล หรือจี้จุดดราม่าอย่างแท้จริง
viral content ที่ไม่อิงกับกระแสอะไรเลย
  • จี้จุดพื้นฐานความต้องการของทุกคน เช่น จงบรรยาย...
  • อยากพูด อยากแชร์ มีประสบการณ์ร่วมกัน
เพจโนเนมไม่กี่หมื่นก็สามารถทำ content แบบนี้ได้
ถ้าทำ content viral ได้แล้ว วันเดียวจะมี like เพิ่มประมาณหมื่น

content viral ถ้าเราใช้ไม่ถูกจุด มันจะพุ่งแค่วันนั้น หลังจากนั้นมันจะนิ่ง แสดงว่า position ไม่ตรงกับเพจเท่าไหร่ แสดงว่า content หลังจากนั้นไม่มีคุณภาพเพียงพอ นอกจากไม่ขึ้นแล้วยังติดลบอีกด้วย

การทำ viral กลวงๆ ไม่ได้ช่วยอะไรกับเพจ กลับทำให้ภาพลักษณ์ลดถอยลง 
viral ที่ดี ต้องไปกับ position ของตัวเอง

Targeting content คุณคือมหาอำนาจ
  • ลักษณะ content - กึ่ง creative กึ่งแชร์ข่าวสาร
  • ตอบสนองความต้องการ เอาสารหลักมาแล้วใส่มุกของตัวเองเข้าไป
  • ทำไม่ยาก กึ่งสำเร็จรูป (copy เค้ามาส่วนหนึ่ง)
  • เป็นสิ่งที่หลายเพจชอบทำกัน และหลายแบรนด์เอาไปปรับใช้
  • ลูกเพจผู้น่ารัก จะมี celeb เคยมาเพจเรา มาพูดคุยกันในเพจ ถ้าเราดึง celeb มาได้ มันก็จะไปออกตามสื่อต่างๆ ตามทีวี วิทยุ โดยที่ไม่ต้องเสียเงิน
  • ถ้าตรงตาม target เราก็จะได้แฟนที่เป็นตัวจริง
  • ใช้ความสม่ำเสมอประกอบกันด้วย
  • ex: พันทิปกระทู้เด็ด ใต้เตียงดารา - ใช้ content ของคนอื่น มาเล่าเรื่อง ใส่มุกเพิ่มเติม
Influencer content เหมือนจะชี้เป็นชี้ตาย
  • ไม่ว่าจะมี content แบบไหนก็ตาม ขึ้นกับตัวผู้พูดล้วนๆ เป็นคนที่มีสาวก
  • รู้ลึก รู้จริง
  • ส่วนมากจะเขียน caption ยาวๆ
  • สร้างประเด็นใหม่ - ไม่จำเป็นต้องโหนกระแส
  • เลือกพูดได้ร้อยแปด - พูดได้ทุกเรื่อง
  • มีวิธีเล่าที่น่าสนใจมาก
  • ex: จ่า, บันทึกของตุ๊ด, น้อง, my mate nate, ไปให้ถึง 100 ร้าน
  • ส่วนตัวชอบ the matter, the momentum
เริ่มจาก targeting + influencer
ex: อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก, redskull

หลายคนเข้ามา เพราะว่าชื่อเพจหน้าสนใจ
หลายคนอ่านแค่ พาดหัว

3 mins. to make a difference เร็ว ง่าย ชัดประเด็น

  • ปรับภาพ มีการใส่ลายเส้น : เบลอ ขยาย
  • มีการใช้ app ตัดต่อวีดีโอ cute cut, viva (app จีน)
  • best video ดูดคลิป (ไม่แนะนำ), gif maker

Position ชัด 
มั่นใจใน content 
มีวิธีเล่าและมุมมองจากประสบการณ์ส่วนตัว

Story of content career - อร #11

Background
  • ชอบทำ content แต่จะทำจริงจัง ไม่กล้าเลย
  • content ปกติที่เคยทำเป็นชีวิตตัวเอง เล่าเรื่องเรื่อยเปื่อย มีสาระจริงๆ ก็ตอนทำ content ywc12
  • จบ IT คลุกคลี IT และวงการ startup + เป็นสาย content ค่าย YWC หลังจากออกจากงานประจำ ก็ลังเลว่าจะทำ content ดีไม๊
  • สมัครเว็บไซต์ techsauce ลองทำดู เป็นครั้งแรกที่ได้ทำ content แนวข่าว อะไรที่มันเป็น fact ไม่ใช่เล่าจาก inner ไม่เคยทำมาก่อน ตอนทำงานช่วงแรกๆ ก็จะส่งไปงานแถลงข่าว
หลังจากตัดสินใจเข้ามาทำงานสาย Content
  • ได้มีโอกาสเข้าไปอยู่ในห้องที่ Jack ma มาไทย ถึงแม้จะไม่ได้เข้าไปสัมภาษณ์ตรง ก็ถือว่า exclusive มาก
  • Content แนวข่าว มันมีประโยชน์ต่อคน สามารถส่งต่อให้คนได้ ดีกว่าเล่าในมุม diary อย่างเดียว
  • การเขียนไม่ได้ทำให้เราต้องเขียนอย่างเดียว แต่ทำให้เราไปงาน event ได้
  • การเป็นนักข่าวทำให้เรามีอภิสิทธิ์หลายอย่าง ได้เข้างาน ได้รู้ข้อมูลก่อนชาวบ้าน ได้รับการดูแล แต่ก็จะมีความเครียดเหมือนกัน
  • ตอนไปทำข่าว AWS ที่อเมริกา ก็เครียดมากเหมือนกัน เค้า expect สูง ทันทีที่ประกาศเสร็จ ต้องรีบ publish เลย ตอนนั้นทำไป 5 ชิ้น เหลืออีก 5 ชิ้นที่ต้องทำส่งให้เค้า
  • ได้คลุกคลีกับคนวงการนั้นจริงๆ
  • ได้เจอพี่พอล ภัทรพล พี่ต้น(แฟนพี่แต้ว) งานดี(ต่อใจ) รวมถึงได้เจอ Rap is now
  • คนสาย Content ได้รับการต้อนรับง่ายนะ
  • แม้จะคุยไม่เก่ง ก็เอาตัวรอดได้
  • ช่วงแรกๆ ทำการบ้านเยอะมาก ถ้าต้องสัมภาษณ์ 1 ชม.​ ก็ทำไปล่วงหน้า 2-3 ชม. แต่หลังๆ ก็ชิวขึ้น
  • เป็นอาชีพที่เสริมพลังบวก ทำแล้วดีต่อใจ คนต้อนรับดี ได้เปิดประสบการณ์ตัวเอง ได้เป็นมุมที่นอกเหนือจากการรอเสพข่าว ผิดพลาดมากสุดก็แค่ข่าวผิด มีดราม่า
  • Develop your expertise ขัดเกลา เสริมสร้างความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นให้กับเรา
  • ได้รับเกียรติให้เป็น moderator งาน digital ventures 
  • มีโอกาสได้เป็น speaker ที่ ม.เชียงใหม่ด้วย (ตัวแทน techsauce)
content มีเต็มโลก เรายังจะสร้างมันอีก?
ถ้าเราเป็นแค่ nobody ล่ะ? ก็เลยอยากทดลอง ด้วยการสร้างเว็บ content shifu
  • ใช้ content เพื่อการแจ้งเกิด เว็บของคนทำ content เพื่อ content
  • ลองเลือกคำที่คนไม่รู้จักมาก่อนเลยเช่น inbound marketing ดูซิจะรอดไม๊
  • ไม่ใช่แค่ niche แต่เขียนสิ่งที่คนไม่รู้จัก
  • เริ่มทำเดือน ส.ค.
  • เขียนไม่ต่ำกว่า 1,000 คำต่อบทความ
  • เนื้อเยอะๆ ลงรายละเอียด ให้คำแนะนำอย่างจริงใจ
  • เน้นเขียนเอง เขียนจากความเข้าใจ เขียนจากประสบกาณ์ (ไม่แปล แต่ refer ได้)
  • มีคนกด like page 2k คน แต่ว่ามีคน subscribe 1k คน
  • พิสูจน์ว่า โลกเรายังต้องการคนทำ content คุณภาพ
  • วิธีการทำ content ที่มีคุณภาพคือ เกิดจาก mindset ที่ดี ความรู้สึกอยากรู้จริงในสิ่งที่อ่านที่เขียน
  • มีจอมยุทธ์มา subscribe content shifu ก็ไปขอ quote เค้ามาลงเว็บ
  • "inbound marketing" จะเป็น speaker ครั้งแรกที่ hubba ปีหน้า และอาจจะเป็น speaker ในงาน creative talk เรื่องนี้ด้วย
  • คนทำ content ไม่จำเป็นต้องจบอะไรมาเป็นพิเศษ สายไอทีทำ content, สายศิลป์ทำ content เพิ่ม it หน่อย คุณจะเจ๋งมาก
  • หลายศักยภาพที่เป็นได้ educator, influencer, thought leader, specialist, speaker, mod
  • ยังไม่แน่ใจว่าทำ content จะทำให้รวยได้ไม๊ ปีหน้าจะลองดูเหมือนกัน
  • เคยโดนด่าเรื่องสื่อสารคลาดเคลื่อนบ้าง แต่มันไม่ได้เจอหน้ากันตรงๆ มันไม่ได้เป็นปัญหาที่แรงขนาดนั้น ก็จะอธิบายเค้าไปตรงๆ

การทำ content ให้ viral - แก๊ป #9

แบ่งแฟนเพจออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ branded page (ส่งผลต่อธุรกิจ) กับ community page (ดีต่อใจ สร้างความบันเทิง - content curator)
  • Concept เพจชัด ทำเพื่อตอบโจทย์คนอ่านจริงๆ
  • หาตรงกลางระหว่าง สิ่งที่เราอยากพูด กับ สิ่งที่คนสนใจ
  • paid, own, earn
  • earn -> viral ว้าว เกิดอารมณ์ "เชดเข้" ข้างใน
  • เชดเข้ + maslow หรือตารางอื่นๆ ก็สามารถเอามาประยุกต์ได้ ตอบสนอง insight ผู้บริโภค
  • viral case: cute, drama
  • อารมณ์ที่มีอยู่ในคลิปวีดีโอ: love anger fear ฯลฯ
  • ดราม่า เล่า insight แถมมี celeb ช่วย จะยิ่งไปไกลมาก
  • ใช้ภาพที่ดูดี อย่างภาพอาหารก็จะเป็นภาพที่น่ากินจริงๆ
  • "จงบรรยายตัวการ์ตูนที่ชอบ โดยห้ามบอกชื่อตัวละครนั้น" อันนี้คนชอบเยอะมาก แชร์กันไปเพียบ และมีการ optimize กันหลายๆ ที่
  • FB live emotion ได้จ่าช่วยแชร์ ทำให้มีคนมาเล่นเยอะ
  • Measurement
    • ก่อน post : ถามตัวเอง ถามคนรอบข้าง ลองลงของตัวเองก่อน หรือ ถามทีม ถามคนในวง ถ้าเราจะ post สิ่งนี้ เราจะ like, share ไม๊ ถูกที่ ถูกเวลา เป็นเรื่องสำคัญ
    • หลัง post : อ่าน comment ดู feedback
  • ถ้า content อยากไปไกล ต้องมี how to say ที่ไม่เหมือนใคร
วิธีการง่ายๆ สำหรับการทำ content ให้ไวรัลแบบแก๊ป
  • content นี้ "เชดเข้" ไม๊ 
  • หาวิธีย้อนกลับว่าต้องทำยังไง? ใช้ influencer ใช้เพจอื่นช่วย จ่ายเงินให้ media?
  • แล้วก็ how to say สำคัญมาก ทำยังไงให้มันแตกต่างจากคนอื่น
  • ทุกเพจต้องมี featured content ที่ทำให้เพจโต
  • real time ก็สำคัญเช่นกัน 
  • อะไรที่มัน touch emotion
- - - break - - -


15.48

Personal branding by content - พี่อ๋อง Parin

ตอนแรกพี่ก็ดังพอสมควร ทำ e-commerce online -> offline แต่ตอนนั้นมันดังเพราะอยู่ 7E ไง
เราดังเพราะ 7E หรือเปล่า? หลังออกจาก 7E ก็เริ่มทำอะไรแบบนี้ มีคนชวนไปทำนั่นทำนี่ก็ไม่ค่อยได้ไป เพราะเป็นคน focus
Branding content การสร้าง "สาระ"
สิ่งเดียวที่พี่มีคือ เขียนบทความ เขียนสี่ปี ประมาณร้อยกว่าบทความ
เขียนใน facebook profile หมื่นไลค์ ห้าพันแชร์ ชื่อ ขี่ช้างจับตั๊กแตน
style การเขียนมีคน copy ไปด้วย (content ก็มีโดน)
  • บรรทัดแรก ตั้งชื่อเรื่องให้สะดุด
  • บรรทัดสอง อธิบายให้ต้องคลิกอ่าน
  • มี underline คั่น ให้กลับมาอ่านได้ง่าย
  • เขียน 1 ใจความ 5 บรรทัด
  • ประโยคสั้น ไม่เกินหน้าจอมือถือ
  • ปิดด้วยประโยคที่อยากให้จำ
บทความโหดๆ ใช้เวลาเขียน 3 ชม.
คนที่มา comment ถ้าถามเพราะอยากรู้ จะตอบให้ แต่ถ้ามาลอง ego จะ block ทิ้ง

content เวลาแชร์ใน fb จะเห็นแค่ 2 บรรทัด อย่างเรื่องขี่ช้างจับตั๊กแตน ขึ้นต้นว่า
"ตอบคำถามสุดฮอตจากเด็กปอโท
ถ้าเราเก่ง เราถูก เราจะถ่อมตัวไปทำไม"

บรรทัดเปิด จะทำให้อ่าน
บรรทัดปิด จะทำให้แชร์

คนเลือดร้อน เค้าด่าต่อหน้า
คนเลือดเย็น เค้าด่าลับหลัง

Real time marketing อะไรเดี๋ยวนั้น ตอนนั้นเลย
  • ตอนมีข่าว alibaba ออกมาก จอดรถ เขียนบทความเลย ภายใน 2-3 ชม.​ ก็เขียน alibaba lazada ลง thumbsup
  • ลูกเทพกำลังฮอต คนจาก sanook มาขอสัมภาษณ์ ก็คุย อธิบายไป มีไปออกรายการคุณจอมขวัญ
  • หรือ รีวิวการไปกราบพระบรมศพ เพราะตัวเองไปมา 3 ครั้ง (แต่เรื่องนี้ไม่โหนกระแสแน่นอน)
ใครคือกลุ่มแรกที่ต้องการบริโภค content ชุดนี้ ใครจะเป็นจะตายที่ต้องบริโภค แล้วคนๆ นั้นต้องการอะไร เอาสั้นๆ ไม่ต้อง perfect แต่ต้องเร็ว

ยกตัวอย่างการทำ Personal Branding ของพี่อ๋อง
  • วางตัวเองเป็น product
  • ใช้ platform เพื่อ connect กับคน premium
segmentation target
  • คนทำงาน ตั้งแต่คนทำงานใหม่ๆ ไปจนถึงผู้บริหารขนาดเล็ก
  • SME ระดับเจ้าของกิจการ
  • Online marketer, online agency
positioning
ผู้บริหารอายุน้อย ที่ประสบความสำเร็จ เก่งด้าน eCommerce และการค้าขาย
มีประสบการณ์สากล มีภาพลักษณ์เป็นนักสู้ เป็นผู้ประกอบการในสายเลือด

communication style
  • พูดตรง แรง จริง
  • ไม่โพสท์เรื่องส่วนตัว (ทำให้ขัดกับภาพลักษณ์)
  • ไม่โพสท์ด่าแบรนด์
  • ไม่คุยกับเกรียนคีย์บอร์ด (ไม่ลดตัวไปเถียง เพื่อจะได้ชนะ ego ของคนๆ นั้น)
มนุษย์เราจะจำของที่กินอร่อยได้ไม่นานเท่ากับของที่ทำให้เราท้องเสีย
ธรรมชาติของมนุษย์ เราถูกตั้งให้ alert กับภัยอันตราย เวลาอ่านแล้วอยากให้ฟาดกลางหน้า จะได้จำได้

logo คือหน้าเรา
logo type = font
brand name คือชื่อเรา
ถ้าอยาก Personal branding อย่าเปลี่ยนรูปบ่อย ใช้ชื่อเดียว รูปเดียว ในทุกๆ สื่อ
อย่างของพี่อ๋องชื่อออนไลน์คือ parinest ไม่ว่าจะไปไหน จะหาชื่อนี้เจอ แนะนำให้หาชื่อออนไลน์ ฟังแล้วรู้ว่าเป็นเราด้วยนะ
ถ้าอยากรู้ว่าตัวเองเจ๋งแค่ไหน ให้ลาออกจากบริษัทใหญ่
ความ proud ว่าตัวเองเก่ง เจ๋ง จะทำให้เราไม่โต

positioning ของพี่ใน FB คือ การให้ ไม่ได้คิดเงิน พอเราขอ (ไม่ได้ขอบ่อย) เราจึงได้

cr: ภาพจากพี่อ๋อง
Don't
  • ดูดมาโพสท์
  • กดแชร์เนื้อหาสุ่มเสี่ยง
  • เต้ง...
  • โพสท์สรรพคุณ พร้อมชื่อสินค้า
  • เอารูปคนอื่นมาใช้
Do
  • แชร์โพสท์มา
  • เลิกเป็นเพื่อน
  • ขาวกระจ่าง
  • โพสท์แยกกัน
  • ใส่เครดิตเสมอ
6 ข้อนี้ห้ามแตะ
  • ศาสนา
  • ความเชื่อ
  • รสนิยมทางเพศ
  • ความพิการของร่างกาย
  • ศาลและคำตัดสิน
  • คู่แข่งทางธุรกิจ - เราไม่รู้ว่าวันหนึ่งในอนาคต เราต้องไปเกี่ยวข้องกับเค้าหรือเปล่า ต่อให้เป็นคู่แข่งก็อยู่เฉยๆ ก่อนจะตัดสินใจจ้างงานเรา เค้าไปไล่ดูอดีตทั้งหมดในออนไลน์ "อยากรุ่ง ถ้ายังไม่รวย อย่าด่าแบรนด์ใดออกสื่อ"
สร้าง platform สาระ
connect ผ่าน การพูด งานสัมมนา, การเขียนบทความ, การฟัง สัมมนา แล้วขยายผ่านกลุ่มคนไปเรื่อยๆ

Product ของพี่มี 2 อย่าง
1. freemium : content, article ถ้าจะแชร์เฉยๆ ไม่หาเงิน จะทำอะไรก็ทำไป ถ้าทำไปแล้วหาเงินก็ฟ้องเลย
  • คนใจดีคือ คนที่ด่าต่อหน้าแล้วกลับบ้าน
  • คนโหดๆ คือต่อหน้า it's ok แต่ฟ้องเลย
2. speaking
  • ปกติพี่พูดชั่วโมงละสองหมื่น
  • ประสบการณ์การฟังเองมันคนละ level กับการ live
  • เป็นประสบการณ์ exclusive เท่านั้น
เหตุผลที่ทำให้คนรู้จักมากขึ้นคือ
การถามคำถามเก่ง ถามคำถามที่ทำให้คนทั้ง hall หันมาหาได้ เกิดจากความหมกมุ่นในงานมาก่อน

อยากไปพูดในเวทีใหญ่ๆ ต้องเริ่มต้นยังไง? - ต้องรู้จักปูทางตั้งแต่ต้น

ก่อนไปงาน
  • จำชื่อ จำบริษัทเค้าให้ได้ บริษัทนี้ทำอะไร หาเงินยังไง
ถึงวันงาน
  • แต่งตัวให้จำง่าย จากระยะไกล (เช่น เสื้อแดง ไทด์ทอง)
  • นั่งแถวหน้า ตรงกลางๆ ที่จะถ่ายรูปบนเวทีได้
  • ระหว่างฟังจะคิดตลอดว่า เค้าพูดอะไร business model อะไร ต้องถามคำถามอะไรเค้าถึงจะตาย ยิงคำถามที่เป็นประโยชน์กับที่ประชุม
  • รีบเข้าไปหาวิทยากร หลังจากลงเวทีทันที (แลกนามบัตร)
  • อธิบายให้ฟังว่า สิ่งที่เขาพูด ทำให้เราหาลูกค้าเพิ่มได้ยังไง (อย่าพูดว่า เจ๋งมาก ไม่ต้องพูดคำชม ฟังเบื่อแล้ว)
  • Tips เป็นมิตรกับผู้จัดงาน - พยายามช่วย organizer ให้เค้าจำเราได้
  • Tips ให้ถามคำถามเดียว และคำถามที่ทำให้ดูโง่ มีจริง (อย่าถามพวก ความยากคืออะไร challenge คืออะไร พี่ช่วย guide ได้ไม๊ว่าจะเริ่มทำ e-commerce ยังไง)
  • ตอนเดินในงานให้ทักทุกคน
หลังจากงาน
  • ให้ส่งรูปที่ถ่ายให้วิทยากร ทาง FB หรือ Email
  • ให้ลงท้าย เบอร์โทร และบริษัทของเราไปด้วย

Don't be yourself - Be in your industry
ถ้าไม่มีใครสนใจ ก็ไม่มีความหมายของการทำ personal branding
เป็นสิ่งที่เค้าอยากเห็น
  • เพื่อนห่างๆ จำนวนมากในธุรกิจ มีค่ามากกว่าเพื่อนสนิทจำนวนน้อย
  • อธิบายตัวเองอย่างเฉพาะเจาะจงใน 1 บรรทัด (personal branding in tagline)
  • เมื่อได้รับโอกาสใหญ่เกิน แต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ให้รับเอาไว้ก่อน และค่อยๆ คิด คิดวิธีระหว่างทาง เพราะการไม่ทำ = 0
  • วีรบุรุษกำพร้า คนรักมากกว่า อัศวินสมบูรณ์แบบ - จะได้มีจุดร่วมกันได้
  • ทุกครั้งก่อน post จะคิดเสมอว่า ผู้ฟังจะได้อะไร
  • ถ้าจะไม่มีสาระ ก็จะบอกเลยว่า อันนี้อยากอวด
  • อย่าโชว์ว่าสมบูรณ์แบบ เพราะจะมีคนคอยขัดขา
  • การขาด้วน แล้ววิ่งชนะ คนจะเป็นพวกมากกว่า ขาด้วนวิ่งไม่ได้ ร้องไห้
  • การเก่ง การลอยมาเลย เค้าไม่อยากคบ มันทำให้เค้าดูด้อยเกินไป
  • ใช้การสลักหลังสร้างชื่อ ยืมใช้เครดิตคนอื่นมาสร้างชื่อให้กับตัวเอง ex: เรื่องเล่าของลูกเขยของ bill gate เราอ่ะ no name แต่เรามีแบรนด์อะไรบางอย่าง ให้ใช้ชื่อนั้นเป็นทางผ่านประตู ex: case จัดงาน Thailand eCommerce
    • สมาคม eCommerce มีชื่อ ไม่มีตังค์ ไม่มีอะไรเลย
    • D_D มีตังค์ ไม่มีชื่อ
    • _ic_os_f_ มีตังค์ มีชื่อ
  • ผู้ใหญ่อยากได้ความทันสมัย เด็กอยากได้ความน่าเชื่อถือ
  • ให้คนฟังร้อง "อ๋อ" ให้เหมือนวัว
  • อย่าด่าแบรนด์ใดออกสื่อ
48 laws of power (คัดมา)
  1. อย่าทำเด่นเกินนาย หายนะ - หัวหน้าใหญ่ชมเรา ให้สะท้อนไปที่หัวหน้าโดยตรงเราด้วย
  2. อย่าได้ละ สงสัย ในสหาย
  3. รู้วานกิจศัตรู อยู่มิวาย
  4. อย่าให้ใครได้รู้แท้ เจตนา
  5. เผยวาจาเกินคำ นำภัยเภท
  6. ปกป้องเหตุเสื่อมชื่อเสียงสูญสลาย - เพื่อนที่ชอบโดนประเด็น / บ่นบ้านไฟไหม้ ไม่ต้องไปคบคนที่พาให้เรา fuck up
  7. หมั่นเป็นจุดสนใจอยู่ไม่คลาย
  8. แอบงานให้คนอื่นสร้าง อ้างงานตน - ไม่แนะนำ
  9. แม้เหยื่อล่อ ขอศัตรูอยู่วิถี
  10. อย่าพึ่งแต่พาทีสู่จุดหมาย แสดงผลการกระทำนำสู่ชัย
  11. ห้ามล่วงล้ำฉากผู้พ่าย ไร้ชะตา - เพื่อนที่พ่ายแพ้โชคชะตามาก ถ้าอยากเห็นใจให้ไป inbox ไม่ใช้เฟซตามอารมณ์
  12. เก็บไม้ตายจำเป็นไว้ให้คนทึ่ง จึงจักมีอิสระเหนือทั้งหลาย
  13. ใจกว้างดั่งเอกบุรุษเจาะเข้าใจ ดุจม้าไม้แห่งทรอยคอยแฝงตัว
  14. อย่าวอนขอความเมตตา ถ้าต้องขอ ผลประโยชน์รองต่อ จึงจะได้
  15. สวมหนังแกะและเป็นมิตร สนิทใจ แอบสปายซ่อนลายสหายลวง
  16. เมื่อพิฆาตต้องเด็ดขาด มิอาจฟื้น อย่าให้กลับคืนล่วงทวงแค้นได้
  17. ละโอกาสเว้นจังหวะ ปรากฏกาย จะเสริมชัยในวาระปรากฏตัว
  18. อย่าให้คาดมาตรหมายทำนายได้ หมุนทำลายสมดุลอย่างสุขุม
  19. อันตรายอย่าโดดเดี่ยวนอกชุมนุม จงใช้กลุ่มเป็นโล่ห์ทองป้องกันภัย
คนเรามองหา 3 อย่าง เข้าให้ถูกจุด เพื่อให้ได้ตามที่เราต้องการ
  • love มีคนรัก เอ็นดูเรา
  • force โดนบังคับมา
  • paid มีการจ่ายเงิน หรือมีผลประโยชน์ร่วมกัน
จากการทดลองมา paid อยู่ได้นานสุด โดยมี love หล่อเลี้ยง

ช่วยให้คนอื่นได้สิ่งที่เขาต้องการ Help people to get what they want

ชื่อเสียงกับฟิล์มน้ำมันบนทะเล เหมือนกันตรงที่ สีรุ้งแวววาวนั้น ล่อให้คนคิดว่า มันเป็นสิ่งมีค่า และมันก็ต้องแลกมาด้วยค่าบำรุงรักษาที่แพง และก็ลุกไหม้เป็นไฟง่ายมาก (พอได้ชื่อเสียงมาให้รู้ว่าหลังจากนั้นมันปลอมและมันแพง)

ให้แน่ใจว่าคุณมีวันทำงานในมุมมืด มีมากๆๆๆๆๆ กว่าวันที่ออกสังสรรค์สมาคม
การถ่ายรูปคู่ celeb ไม่ได้ช่วยทำให้คุณเป็น celeb

It's what you do in the dark that will put you in the light.

** เนื่องจากตามอ่าน post ของพี่อ๋องมาหลายโพสท์ เลยรู้สึกอินและได้ความรู้จาก Session นี้เยอะมากๆ ที่รู้สึกว่าจริงมากๆ เลยคือ การได้เข้ามาฟังเอง มันได้รับประสบการณ์คนละเรื่องจากการดูทางไกลหรืออ่านเอา / การที่พี่ใช้ Profile ในการเขียน ตอบโจทย์ Facebook มาก เพราะ Algorithm ของ Facebook ต้องการให้เราเห็นเพื่อนมากกว่าเพจ ยิ่งมี Engagement มากเท่าไหร่ก็ยิ่งกระจายไปไกลอีก โดยที่ไม่ต้องเสียเงินซื้อ Ads เลย 

- - - break - - -


17.00

แชร์ประสบการณ์ทำเพจ - พี่แทน + นกแก้ว + เปา + อ้อ + บุคกี้

เริ่มต้นการทำเพจ
  • บุคกี้ - เมื่อก่อนอ้วนกว่านี้ ลดน้ำหนักได้ ทำอาหารถ่ายวีดีโอกล้องไอโฟนธรรมดา เพื่อนมาถามว่าทำไมไม่ลง pantip สุดท้ายก็เลยเป็นเพจ อยากแชร์
  • พี่แทน - เคยอยู่วงการข่าว รู้สึกคันกับบางข่าวและไม่อยากแชร์ใน profile ตัวเอง เคยทำ live ถ่ายทอดสดหวย เป็น content ที่เราคาดไม่ถึง แต่คนดู 150k ทุกวันนี้มีคนทำกันบรึมเลย "เกิดจากหวย" ก็เลยทำมาโดยตลอด
  • นกแก้ว - จบค่ายมา style คน IT คือนอนดึก ตื่นสาย เป็นคนโรคจิตอย่างนึงตรงที่ชอบ post ของกินตอนกลางคืน ไม่อยากหิวคนเดียว อยากให้คนอื่นหิวด้วย ตอนนั้นเพิ่งจบค่าย เด็กค่าย active ค่อนข้างเยอะ แก๊ป comment ชื่อเพจมา พี่เอิร์ธ jiraz (เป็นคนตั้งชื่อ) invite คนมาช่วยโพสท์กัน
  • อ้อ - ตอนแรกชื่อ ไอเป็ดอวยไส้แตก อยากเขียนอะไรก็เขียน อกหักเป็นโรคซึมเศร้า content แรกที่เขียนคือ รีวิวต่อแถวซื้อรองเท้า ก่อนเปิดเพจ sound check จากการเขียนในจุฬา รีวิว cu bike, โรงอาหาร, คลินิกใน cu เพื่อนบอกว่าให้ไปเปิดเพจ ก็เปิดดู ใช้ภาษาหยาบ พ่อสั่งปิดเพจ หยุดทำไปสองเดือน เห็น content buffet ปลาแซลม่อน อยากเขียนมาก เลยยอมทำตามที่พ่อบอกคือไม่ใช่ภาษาแย่ ตอนนี้ content Salmon นี้ยังมีการแชร์อยู่ (ผ่านมา 1 ปี) คนต้องการอะไรที่ปาหน้าเข้ามาเลย พิ้นฐานชอบถ่ายรูป ไม่มีนางแบบเลยไปถ่ายอาหาร ไม่ต้องจัดท่ามันเยอะ
  • เปา - ชอบดูหนัง เริ่มแรก post ลง profile ตัวเอง รีวิวเยอะมาก ชอบหนังรอบสื่อ เพื่อนบอกว่าถ้ารีวิวขนาดนี้เปิดเพจไม๊ ก็เลยเปิด "เหยแก หนังเรื่องนั้นอ่ะ" ก็ยังไปชิงหนังรอบสื่ออยู่ คุยเรื่องหนังกับชิ (#9) เยอะขึ้น มี group ywc movie ชิมาชวนเพราะเห็นว่ามี insight ด้านดารา แล้วก็มี วา อีกคน ที่เป็นสายอินดี้ มารวมกันเลยเกิด "ดาราปังหนังเปรี้ยง"

พอทำไปแล้ว...
  • เปา - ตอนแรกจะทำเป็นงานอดิเรก พอมันเริ่มจริงจังขึ้นก็จะวางแผนมากขึ้น ช่วงนี้มีหนังอะไรกำลังจะเข้า เมื่อก่อนไปดูเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ตอนนี้ต้องภายใน 3 วัน (หรือวันนั้นเลย) ต้องเร็วขึ้น ตอนนั้น ทำ list หนังแล้วปังทุก post แต่ตอนนี้แป้ก เพราะเพจทำกันเยอะมาก ทุกคนมี info เยอะมาก post จัดอันดับหนังก็ตกเทรนด์ไปละ ต้องคิด gimmick มากขึ้น เช่น หนังล่าแม่มด (ทำตอนช่วงไว้อาลัย) จะไม่ใช่แค่ความชอบอย่างเดียวแล้ว
  • อ้อ - ทำเพจคนเดียวตั้งแต่ 1 จนถึงตอนนี้ มันเหนื่อย agency ที่มาติดต่อก็ต้องทำให้ได้ประโยชน์สูงสุด เราก็ทำงานประจำ เราจะทำยังไงกับเพจ อาหารที่มาวางเต็มโต๊ะจะกินยังไงให้หมด แล้วจะเขียนยังไงวันนี้ ถ้าคิดถึงภาพภูเขาน้ำแข็ง การกินมันแค่ยอดเขาสวยงาม แต่ข้างล่างมันโหดมาก ทุกคืนที่กลับจากที่ทำงานทุ่มนึง จะโทรหาเพื่อน แล้วก็บอกว่าตัดวีดีโออยู่ (ไม่เจอหน้าเพื่อนมา 2 อาทิตย์) เทรนด์ของ fb page มันกดมากขึ้น ต้องคิดว่าจะขยายยังไง ตอนนี้ก็มีทำเว็บอยู่ มี ฝน พี่ตอง เพิร์ธ คอยช่วยอยู่ คนทำเพจ food blogger ประมาณร้อยกว่าๆ เป็น ig ไป 70 content มันซ้ำๆ กันหมด คนอ่านก็ไถผ่านแล้ว มันต้องหนี แต่ยังหาทางหนีไม่ได้ ทุกวันนี้กินข้าวยังต้องคิดว่า ข้าวจานนี้ลงเพจได้ไม๊ ต้องลดน้ำหนักแต่อันนี้บิงซูมาใหม่ เพราะ content นี้ลงได้ก็ต้องไปกิน ทำมา 1 ปี ได้แสนแปด ถือว่าสุขภาพยังดีอยู่
  • นกแก้ว - serious เรื่องรูปมากขึ้นนิดนึง (มีการถ่าย stock ไว้) มีทำเว็บไซต์รีวิวอาหาร ก็ยังไม่จริงจัง ก็ทำเท่าที่เราสนุก ชอบ ตอนนี้ก็ทำงานประจำแล้ว ถ้ามีลูกค้ามา ก็ต้องโทรหาเพื่อนให้ไปแทน focus เพจน้อยลง เพราะทับไลน์งานประจำ ที่ทำเรื่องอาหารเหมือนกัน
  • บุคกี้ - ตอนแรกใช้โทรศัพท์มือถือ ถ่ายเองมืดๆ พยายามลงรูปว่ากินอะไร ทำอะไร ออกกำลังกายยังไง หลังจากมีคนตามมากขึ้นก็ได้รับโอกาสเยอะขึ้น มีไปเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพและการออกกำลังกาย
  • อ้อ - เรื่องเงินเป็นเรื่องใหญ่ 50,000 like ขึ้นไปก็จะเริ่มมีละ
  • พี่แทน - มีทำเพจ "พรุ่งนี้ค่อยวิ่ง" ทำเพราะอยากลองซื้อดูบ้าง เพราะเพจอื่นเรา organic สร้างมาทดสอบอะไรเล่นๆ ยอด like ประมาณ 0.64 ต่อ like พยายาม optimize ads ลองไป 3k บาท ได้มา 7k like ตอนอยู่ S _ R _ N _ news ปี 2014 ค่า ads ถูก ประมาณ 0.2-0.3 สตางค์ แต่คนไม่ค่อยซื้อเพราะว่า organic มันสูง เปลี่ยน cover page แล้วอัดเงินเข้าไปเลยห้าหกหมื่น เพจเราเกิดมาเพราะอยากให้คนเข้ามา ทำ traffic เพื่อให้คนมาซื้อโฆษณา ทำให้ลูกค้ามาหลายเพจ แต่บางอันก็แชร์ไม่ได้ เลยทำเพจของตัวเอง อุตสาหกรรมนี้ทำเงินได้ ถ้าทำเป็น ต้องเลือก content ที่มันปังจริงๆ เปลี่ยนวิธีการคิด การพาดหัวแบบเดิมๆ ได้เข้าไปช่วยสถานีโทรทัศน์ หรือสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ ไปบอกว่าทำ content ยังไงให้มีคนแชร์ ในเว็บควรจะต้องวางข่าวยังไงให้คนแชร์ ทำยังไงให้คนมาลงทุนซื้อโฆษณา

อะไรที่ทำให้มันปังในแต่ละเพจ
  • บุคกี้ - มันตอบไม่ได้เลย อยู่ที่ เวลา โอกาส ดวง(เป็นสิ่งสำคัญมาก) ที่ปังสุดคือ เมนูเด็กหอด้วยแก้ว 1 ใบ (ยอด reach 10M view 6M share หลายแสน) ตอนทำมันไม่ง่ายเลยนะ มันเหนื่อย ถ่ายเสร็จก็ตัด นอนตีสามตีสี่ ให้พี่ช่วยตัดต่อ เพราะเราต้องไปงานวันรุ่งขึ้น พี่ช่วยอัพให้ ครึ่งชม.​ คนแชร์ไปพันกว่า ยอด like เพจเพิ่มมาเยอะมาก คิดว่าเป็น content ที่ง่าย คนเข้าถึงได้ โดนใจ และน่าจะมีเพจใหญ่ๆ เอาไปแชร์ด้วย คนที่ตามเพจ ก็จะมี นักศึกษา ป้า และมีผู้ชายมาเพิ่มขึ้น 
  • เปา - มันขึ้นกับจังหวะ ปีนั้นๆ ปีที่แล้วกับปีนี้ก็คนละแบบกัน การที่ FB มี Gif ทำให้เพจหนังสามารถเล่าเรื่องได้ง่ายขึ้น โพสท์แบบนี้ก็จะปังตลอด พวก Tips, Gag เข้าถึงคนได้ง่าย
  • นกแก้ว - ตามกระแสเยอะๆ ถ้าเราเกาะกระแสได้จะมีโอกาสไวรัลค่อนข้างเยอะ คือต้องทำให้ไว เคส mango zero ที่ถ่ายรูปแสงเหนือ แล้วสอนทำ retouch ง่ายๆ อันนั้นก็ปัง เป็นการเกาะกระแส ที่ได้เพจดังช่วยแชร์ด้วย
  • พี่แทน - content แรกที่ปังแล้ว ต้องมีที่สองที่สามตามมา เช่น ดาราคนนี้ท้อง สามีเป็นใคร ไปงัดพ่อแม่พี่น้องมาต่อ มองรอบๆ สิ่งที่เกิดขึ้น แล้วมันจะตามมาเป็น combo ถ้ามีกำลังเยอะให้กระซวกมันเข้าไป
คิดยังไงกับ content ในอนาคต
  • อ้อ - มันอยู่ในจุดที่ content ซ้ำเยอะมาก เราต้องหาจุดที่เป็นเราให้ได้ เพจชีวิตติดรีวิว เกิดหลังอ้อ แต่เค้า 900k like ทำไม? ไปดูแล้วรู้สึกว่า production เค้าดีมาก ถ่ายออกมาดี ภาษาดี เราต้องหาจุดที่เปิดมาแล้วเป็นเรา อาจจะต้องหา personal branding ตอนนี้ยังรู้สึกว่า เป็ด เหมือนป้ายตั้งหน้าบ้าน น่าจะต้องทำให้เป็ดมีชีวิตมากขึ้น ทำให้เหมือนเรากำลังคุยกันอยู่
  • เปา - เริ่มสร้างตัวตน แอดมิน 3 คนจะ style ต่างกัน เขียนต่างกัน อย่าง แอดนม (ชิ) จะดังมากสุดในเพจ จะเริ่มมีตัวตน มีความหลากหลาย content creator น่าจะมีเต็มไปหมด การหา connection น่าจะเป็นเรื่องสำคัญ ตอนนี้ก็ไป co กับเพจ/ค่ายหนังอื่นเหมือนกัน มีการ share กันและทำ content ร่วมกันมากขึ้น
  • บุคกี้ - การเป็น personal รู้สึกว่าคนเริ่มเบื่อ ถ้าลงรูปหน้าจะ hide post แต่ไม่ได้ unlike เพราะยังอยากได้ความรู้ เราไม่ได้อยากเป็น net idol เราอยากเป็น blogger ให้คนแชร์เรื่องราวกัน บางจุดที่จะรู้สึกว่า "ไม่แชร์ของเรา เพราะเรารู้จักคนนี้ ถ้าแชร์แล้วมันจะได้เงินหรือเปล่า" กำลังเปิดเพจใหม่ที่ไม่ personal ไม่รู้ว่าเราคือใคร มีคนเขียน content หลายคนอยู่
  • พี่แทน - พวกเพจสื่อจะต้องหาตัวตนของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ในอนาคตเราอยากมีเพจที่แชร์ข่าวสารบ้านเมืองได้มากกว่านี้ ไม่ใช่แค่เราจะหาจุดยืนของเพจตัวเอง ถ้ามีเทรนด์ใหม่ๆ มา อะไรก็ต้องทำ ต้องเค้นอยู่ตลอดเวลา สำนักข่าวต้องขยี้อยู่ตลอด ต้องหาเพื่อให้มันโต ไม่ใช่แค่แชร์อย่างเดียว
  • นกแก้ว - ไม่เคยแพลนอะไรเกี่ยวกับเพจเลย ทำไปเรื่อยๆ พรุ่งนี้ต้องส่งงานลูกค้าแค่นั้นเอง มองว่าคนจะไปอยู่ที่ไหนมากกว่า อาจจะต้องตามไปที่ platform นั้นหรือเปล่า
เคยคิดจะเลิกทำไม๊
  • นกแก้ว - เคยมีบางทีที่รู้สึกว่า ขายวิญญาณเพื่อเงิน เช่น น้ำซุป "เค็ม" ลูกค้าขอเปลี่ยนเป็นคำว่า "เข้ม" ก็เลยต้องมี condition มากขึ้นว่า เราขอเขียนแบบเป็นตัวเรา
  • บุคกี้ - ความเป็นส่วนตัวหายไป เวลาไปงานวิ่งมีคนมาขอถ่ายรูปอันนี้มันปกติ แต่ตอนเราไป hangout กับเพื่อน มีคนมา inbox มาว่าเจอทำนู่นนี่อยู่ ก็รู้สึกว่ามันไม่โอเค
  • เปา - มี sponsor ค่ายหนังเข้ามา แต่เราเน้นความเป็นกันเอง เรารีวิวแบบไม่อวยเกิน จุดเสียคืออะไร จุดดีที่คนอื่นไม่ทันสังเกตคืออะไร รีวิวเหมือนปกติ แต่จริงๆ แล้วมันคือ sponsor เราไม่ได้จะหาเงินอย่างเดียว คิดถึงใจเขาใจเรา เลยไม่ได้กดดันอะไรมาก
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * 
  • ขอบคุณ พี่เอ็ม Sponsor ใจดีกับสถานที่น่ารักๆ น่าทำงาน
  • ขอบคุณ Speaker ทุกคนที่มาแชร์ความรู้ในวันนี้
  • ขอบคุณ พี่ว่าน ผู้จุดประกาย ผู้ติดต่อขอสถานที่ ผู้หาของกิน ผู้เป็นแม่
  • ขอบคุณ น้องเมย์ ผู้ติดต่อ ดูแล Speaker งานน้องหนักมาก แต่น้องก็ทำได้ดีมาก (รวมถึงขอบคุณที่ให้พี่ยืมคอมด้วย)
  • ขอบคุณ จาบอน พิธีกรคู่พี่ว่าน ผู้สร้างความสนุกสนาน
  • ขอบคุณ ผู้เข้าร่วมงานทุกคน (คนมาเยอะมากๆ)
* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * 
ขอบคุณ YWC ที่ทำให้เราได้มาเจอกัน :)

ค่าย YWC14 ปีนี้จัดวันที่ 22-25 ธ.ค. ที่มหิดล ศาลายา อย่าลืมล็อควัน มาเจอกัน!

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * 

[พิมพ์เนื้อหาในงาน + Rewrite ต่ออีกประมาณ 3 ชั่วโมง]

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประสบการณ์ตรงกับการโดน Facebook บังคับเปลี่ยนชื่อ ทำอะไรไม่ได้นอกจาก "รอ"

สองชั่วโมง สองที่เที่ยว ด้วย เรือหางยาว เจ้าพระยา

น้องนีโม่ กับ โรคฉี่หอม