365 วันของปีที่ 25 - Year in PriwView 2015


แล้วก็เข้าสู่ปีที่ 26 อย่างเป็นทางการ ตลอด 365 วันของปีที่ 25 ที่เขาเรียกกันว่าปีเบญจเพส ส่วนตัวเราสัมผัสไม่ได้ถึงความโชคร้ายอะไรแบบนั้น น่าจะถือว่าเป็นเรื่องโชคดีก็ได้ ลองกรุ๊ปชีวิตของตัวเองในแต่ละด้านออกมา จะได้ประมาณนี้ 

การทำงาน 

เราเริ่มงานที่ใหม่ (Redlab) วันที่ 1 กรกฎาคม 2015 เข้ามาก็เจอเรื่องเซอร์ไพรส์ตั้งแต่ต้นเดือน แล้วพอถึงวันเกิดก็พีคคค มีความ challenge ในการทำงานอย่างมาก เป็น crisis management ของแบรนด์นึง เป็นวันที่ทำให้เราได้รู้ว่าลูกค้าที่ดีลงานกับเราก็เกิดวันที่ เดือนเดียวกัน (ถึงแม้จะคนละปีก็ตาม) ยังจำโมเมนต์ที่แฮปปี้เบิร์ธเดย์กันผ่านทางมือถือตอนที่ยังคุยงานกันอยู่ เป็นสองคนที่ทำงานดึกแล้วก็ไม่ได้ฉลอง ตลกดี พอผ่านมันมาได้ เราจะรู้สึกมีความสตรองมาก

ถึงแม้เราจะโดนประทับชื่อตำแหน่งตรงหน้าผากว่า "Project Manager" เอาเข้าจริงก็เป็นทั้ง pm และ client service ในตัว สิ่งที่ไม่เคยทำ อย่าง presentation, campaign/monthly/yearly report, คิด ER, วิเคราะห์คู่แข่งของลูกค้า, Set google alert, เปิด analytics, update cms, เก็บข้อมูลผู้ร่วมเล่นกิจกรรม, จับรางวัล, ออกกองถ่ายภาพ, สัมภาษณ์คน, ดีลงานตรงกับลูกค้า ออกไปประชุมงานบ่อยๆ ได้ทำหมดเลย 

นอกจากงานด้าน digital marketing ก็ยังมีงานด้าน user experience มาให้ทำ (มันเป็นเหตุผลหนึ่งที่ย้ายมาทำงานที่นี่) ได้จับ project ใหญ่ของลูกค้า ได้ไปเก็บ requirement, insight จากคนใหญ่คนโต ที่ทำให้เรารู้สึกตัวเล็กนิดเดียว มันดีตรงที่ทีมลูกค้าที่เราทำงานด้วยน่ารักมากๆ การได้เรียนรู้ process ได้ทำ IA ได้ทำ Wireframe กี่สิบหน้าก็ไม่รู้ สนุกมาก พอจบโปรเจคกันไป มาเจอหน้าลูกค้าหลังจากนั้นอีกสามสี่เดือนแล้วมีความรู้สึกแบบคิดถึง อยากเจอ มันเป็นโมเมนต์ที่ดีมากนะ >//<

นอกจากนั้นก็มีงานแบบเว็บไซต์ อันนี้ก็สนุกดี ได้รื้อฟื้นความรู้ตอนเรียน comsci มาก เพราะการเป็น pm ที่นี่คือต้องรู้ทุกอย่าง (แบบนิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดี) แต่ก็ยอมรับว่า ถ้า technical จ๋ามากๆ ก็ไม่ไหวแล้ว #อนาถตัวเอง 

แล้วก็จะมีงานประเภทที่คิดเยอะๆ ออกชิ้นงานน้อย นี่ก็ challenge มาก เพราะไม่รู้ว่าต้องทำยังไงดี ประชุมกันไปมาจนงงไปหมด 55+

สรุปว่าเรื่องการทำงาน เป็นไปด้วยดี ที่อาละวาดโวยวายเป็นระยะ มันก็คือ challenge ในการทำงาน พอเราก้าวข้ามผ่านมันมาได้ มันก็ทำให้เราเก่งขึ้น ส่วนเรื่องการกลับดึก งานเยอะ มันก็มาเป็นพักๆ อันนี้เราว่ามันปกติ 

ครอบครัว

ปกติสุขดี ยกเว้นแต่ต้นปีมีโรคใหม่เกิดขึ้นกับแม่นิดหน่อย ก็เลยทำให้ต้องลางานไปเฝ้าที่โรงพยาบาล ออกจากงานเร็วเพื่อพาแม่ไปหาหมอ ตอนนี้ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าจะต้องกินยาไปอีกหลายเดือน หรือหลายปี อันนี้ก็ต้องดูว่าจะฟื้นตัวได้เร็วแค่ไหน 


ทุกครั้งที่ไหว้พระจะขอให้ครอบครัว และคนที่เรารักมีความสุข ปลอดภัย ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ อุบัติเหตุ อันตรายทั้งปวง ไม่รู้ว่าช่วยได้หรือเปล่า แต่ก็เป็นความสุขทางใจอย่างหนึ่ง

กำลังใจในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ บางครั้งเราก็ต้องฝืนเข้มแข็งเพื่อให้สภาพโดยรวมมันดี เพราะถ้ามีคนหนึ่ง down แล้วคนอื่น down ต่อกันไปเรื่อย มันก็ไม่แฮปปี้น่ะสิ

ความสัมพันธ์กับคนรอบตัว

เราว่ายิ่งโตเราก็ยิ่งเป็นตัวเองได้มากขึ้น กับทั้งเพื่อนค่าย เพื่อนที่ทำงาน หรือคนอื่นๆ ที่สนิทกันระดับหนึ่งแล้ว คือเราก็เป็นตัวเองมาเสมอแหละ ไม่ว่าจะเจอในออนไลน์ จะตัวเป็นๆ เป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้น เพียงแต่ว่ามันก็จะมีมุมที่แสดงออกมาได้มากน้อยไม่เหมือนกัน 

ปีนี้รู้สึกเป็นปีที่แสดงตัวเองออกมาได้ค่อนข้างเยอะ คิดอะไร รู้สึกแบบไหนเป็นคนยังไงก็แสดงออกมาแบบนั้น มันก็สบายใจดีนะ เรียกว่าแคร์ความรู้สึกคนอื่นน้อยลงหรือเปล่า อันนี้ก็ไม่ใช่ มันจะมีช่วงเวลาที่คิดว่า เราไม่จำเป็นต้องทำให้ทุกคนรักเรา ชอบเรา ถ้าคนที่ใช่มันก็จะมีมิตรภาพให้กันเอง คนในโลกมีเป็นล้าน(ๆๆๆ) มีคนที่รู้สึกดีให้กันทั้งสองฝ่าย สักพันคนก็เหลือแหล่แล้ว

ส่วนคนที่อยู่ข้างกันมาตั้งแต่ก่อนจบปี 4 ที่มีความสัมพันธ์แบบ complicated หรือจะเรียกว่า confused ก็น่าจะได้ ยังคงเป็นคนที่ทำให้เราเป็นตัวเองได้มากที่สุดเหมือนตอนอยู่กับครอบครัว ถึงแม้จะไม่ค่อยได้ยินเสียง เน้น text แต่ก็เหมือนมีญาณทิพย์รู้ว่าเราต้องการอะไร "no time มา no time กลับ ไม่โกง" ขอบคุณที่ยังอยู่ตรงนี้ ;)

หาความรู้ใส่สมอง

นี่ก็เป็นอีกปีนึงที่ตั้งใจอ่านหนังสือ คือปกติก็ตั้งใจแหละแต่ปีนี้ตั้งใจมากขึ้น ที่เพิ่มเติมมาคือมีการเขียนสรุปสั้นๆ ใส่ medium ไว้ด้วยเพื่อเตือนตัวเอง แล้วพอมีคนอื่นมาอ่านด้วยแล้วเขาชอบ อันนี้ก็รู้สึกดีเหมือนกัน (มาอ่านกันเยอะๆ นะ ^^)

ยิ่งอ่านมากก็ยิ่งได้อะไรเยอะมาก จะบอกว่าเปิดโลกก็ใช่แหละ มันทำให้เราได้แนวคิดอะไรเยอะเลยนะ หนังสือ 1 เล่มได้ข้อคิดจำติดหัวมา 1 ข้อ แค่นี้ก็แจ๋วแล้ว

1 ข้อคิดที่เราได้จากการอ่านหนังสือและจำฝังใจตอนนี้ก็คือ ทุกคนเป็น somebody ของใครบางคนเสมอ ถ้าเราเห็นความเป็น somebody ในตัวเขา เราจะให้เกียรติกันมากขึ้น 

นอกเหนือไปจากนั้นก็เริ่มศึกษาด้าน UX เป็นศาสตร์ที่มีบทความภาษาอังกฤษเยอะมาก อ่านเท่าไหร่ก็ไม่หมด อ่านให้ตายก็ไม่จบ ด้วยความที่ภาษาอังกฤษอ่อนแอ ทำความเร็วไม่ได้ อ่านไปแปลไปทีละคืบ T_T แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งดีนะ โดยเฉพาะคนอย่างเราที่ทำงานด้านนี้ มันเอามาใช้กับงานได้จริงๆ มันจะเอ๊ะ! อันนี้ไม่ใช่อะ อันนี้ควรจะทำแบบนี้หรือเปล่า ถ้าไม่ใช่แบบนี้แล้วมันควรเป็นแบบไหน เพื่อที่ user จะได้ใช้งานได้ง่าย เข้าใจ แล้วก็ happy 

ฝาก(ร้าน) #priwreadbooks ใน medium ด้วยค่ะ: @priwziest

เราพยายามไปงานนู้นงานนี้แล้วกลับมาเขียนบล็อกมากขึ้น ขอให้ตัวเองมีพลังในการทำอะไรแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ (ให้ความขี้เกียจมาหาน้อยๆ)

เพิ่มเติมคือ ปีนี้ได้เป็น Speaker แชร์ประสบการณ์การทำงานเป็น PM (&AE) ให้น้องๆ YWC และ SWU ฟังด้วย พูดไม่รู้เรื่องสุดๆ 55+

การเงินและการลงทุน

ตั้งใจว่าจะเล่นหุ้นมาตั้งหลายปี ปีนี้ก็ยังไม่ได้เล่นซักที นี่ถึงขั้นขอเอกสารมาจะกรอก แล้วก็ยังไม่ได้กรอก กองอยู่บนโต๊ะที่บ้านแบบนั้นแหละ ตอนนี้ก็เลยมีแค่ ltf ประกันชีวิต ออมทรัพย์ดอกเบี้ยง่อยๆ แต่ไม่รู้แหละ ออมก่อนรวยกว่า พี่บีบอกไว้ เราจะมีเงินล้าน(แรก) ตอนอายุ 30 ปีให้จงได้ สู้!

การท่องเที่ยว

ทุกคนคงเห็นเป็นที่ประจักษ์ว่า เราจะเที่ยวอะไรนักหนา เราว่าการเที่ยวเป็นการเพิ่มพลังชีวิตอย่างหนึ่ง ถึงแม้ว่าไปเที่ยวกลับมาแล้วจะเหนื่อยแทบขาดใจก็เถอะ เราโชคดีที่โตมากับครอบครัวที่เที่ยวอยู่เรื่อยๆ ตั้งแต่จำความไม่ได้ พอหลังจบการทำค่าย ywc 10 ก็มี  ywcouting เกิดขึ้น เพื่อนคอเดียวกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน ทริปแรกเป็นทริปภูกระดึงตอน ม.ค. 2013 ส่วนล่าสุดคืออาทิตย์ที่แล้ว ทุ่งดอกกระเจียว เป็นทริปที่ 20 ละ 

เป็นเพื่อนกลุ่มที่เราอยู่ด้วยแล้วมีความสุข ถึงแม้จะมีหลายสไตล์ แต่พอมารวมกันแล้วมันกลมกล่อมลงตัว อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ จนไม่มีแรงเที่ยวเลยนะ XD


ปีนี้เป็นปีที่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศ 2 ประเทศ คือ โตเกียว ญี่ปุ่น เป็นเอาติ้งของบริษัท แล้วก็ไทเป ไต้หวัน เป็น ywcoutingabroad ไปกัน 5 คน ดีงามมาก ไปศึกษาวิถีชีวิต รูปแบบการใช้ชีวิตของคนอื่นบ้าง ทำให้รู้ว่าประเทศเรามันไม่เป็นระเบียบแค่ไหน ;__; ส่วนทริปในประเทศไม่ขอ list ละกัน เพราะมันเยอะมาก 55+

สุขภาพส่วนตัว

ตอนอายุ 25 ใหม่ๆ จะไปว่ายน้ำตอนเย็นหลังเลิกงานตรงปากซอยอารีย์ อาทิตย์ละ 1-2 ครั้งกับแบงค์ แทน แต่พอสองคนนี้ย้ายที่ทำงานเท่านั้นแหละ เลิกเลย (อินดี้ไปว่ายคนเดียวครั้งสองครั้งแล้วมันเหงา T_T) ปีนี้เป็นปีที่ท้องเสียบ่อยมาก ไม่รู้เกิดจากอะไร ชอบเสียตอนเช้า ขอเข้าห้องน้ำที่ bts หลายสถานีมาก (ขอบคุณพนักงานทุกท่าน) เป็นหวัดบ้าง เป็นไข้บ้าง แพ้อากาศน้อยลงจากปีก่อนๆ โดยรวมก็ไม่มีอะไรแย่นะ

เพื่อสังคม

ถ้ามีเวลาก็จะไปร่วมพวกกิจกรรมอาสา สร้างฝายนี่ก็สนุกดี แต่ถ้าไม่มีเวลาก็จะโอนเงินหรือบริจาคข้าวของให้กับมูลนิธิหรือคนอื่นๆ ที่เขาต้องการ จะไม่ค่อยให้คนที่มาขอตามข้างทาง รู้สึกว่าไม่น่าไว้ใจ ถ้าตัดสินใจให้ไปแล้ว ก็อย่าไปคิดว่าเขาจะเอาไปทำอะไรไม่ดี หรือผิดจุดประสงค์ "ให้แล้วดีเสมอ" แล้วเราก็ยังเชื่อ "ยิ่งให้ยิ่งได้" ยิ่งเราให้สิ่งดีๆ มากเท่าไหร่ เราก็จะได้รับสิ่งดีๆ กลับมามากเท่านั้น

สำหรับคนอื่นปีเบญจเพสอาจจะเป็นปีที่ไม่ดี แต่สำหรับเรา มันเป็นปีที่ดีนะ :)

แค่อยากบอก: การปิด Facebook wall post

เราเริ่มทำตอนปีที่แล้ว จะปิดช่วงหัวค่ำของวันที่ 27 จะเปิดอีกทีวันที่ 29 ช่วงสายๆ บ่ายๆ (หรือดึกๆ) มันอาจจะเป็นความอินดี้ส่วนตัวที่พอทำแล้วรู้สึกดี ปีนี้ก็เลยทำอีก และคงจะทำแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ทุกปี 

มันไม่มีอะไรหรอก เราแค่มีความรู้สึกว่าการโพสต์ to wall มันง่ายไป คนที่ปกติไม่เคยคุยกันด้วยซ้ำ อยู่ๆ ก็มาโพสต์ เพราะ facebook เตือน มันค่อนข้างแปลกๆ อ่ะ เราไม่ได้บอกว่าฟีเจอร์นี้ไม่ดี คือมันดีงาม แต่พอเราปิดไป คนที่อยากอวยพรจริงๆ จะมาทาง message หรือช่องทางอื่น มันให้ความรู้สึกที่ดีกว่ามาก เป็นจุดที่เรารู้สึกว่า คุณภาพสำคัญกว่าจำนวนที่ได้รับ ช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ จำนวนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว แค่นั้นเอง :) 

สิ่งสำคัญในวันเกิด

ถ้ามีคนถามว่าวันเกิดไปฉลองที่ไหน เราจะตอบว่ากลับบ้าน นอน แต่ทันทีที่เราถึงบ้าน จะมีสิ่งหนึ่งที่เราทำเป็นประจำทุกวันเกิด (น่าจะเริ่มครั้งแรกตอนสมัยมหาวิทยาลัย) คือ การเอาพวงมาลัยดอกมะลิ 2 พวงที่ซื้อก่อนกลับบ้าน (ต้องซื้อ เพราะทำเองไม่เป็น -_-") มาไหว้พ่อกับแม่ คนที่ทำให้เราเกิดมา เลี้ยงดู อบรมสั่งสอน ส่งเสียจนเรามีชีวิตที่ดีจนถึงตอนนี้ สำหรับเรา การที่ยังมีพ่อแม่อยู่ด้วยในวันเกิดแต่ละปีเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ขอขอบคุณ

ของขวัญวันเกิดที่ได้รับในวันที่ 28 ก.ค. 2016 // 29 ก.ค. 2016

ตุ๊กตาหมีจากพี่มาส, พวงกุญแจ Moomins จากพี่อ้ออัมพิ, KFC ถังใหญ่ยักษ์จากแก๊ง PM/MP/SP, โอริโอ้สองห่อจากชาว Dev-S project, ผ้ากันเปื้อนคุมะมงและบัตร gift card จากเจษฎา 
// สมุดจด ติ้กเก้อ และเทปใสลายคิ้วท์ๆ จากพี่ล๋ง


คำอวยพรด้วยวาจา 

พี่สนู๊ปปี้ ที่โทรมาจากยะลา 
กงCS23 ที่บังเอิญเจอที่ BTS อารีย์ 
ชาว Redlab อันประกอบไปด้วย พี่อ้อcopy ป่อง พี่ขวัญ น้องเบล ปุ๋ย ส้มโอ พี่วันทานีย์ พี่อิม พี่ปู พี่นิกกี้ พี่ภูริ พี่วรรณ พี่โน้ต พี่บอย 
// พี่ป๋อม เอ็มUX


คำอวยพรจากตัวอักษรผ่านทางช่องทางต่างๆ

เที่ยงคืน เจษฎามาตรงเวลา (เราหลับไปแล้ว) พอเช้าก็เด้งมาเรื่อยๆ 
ท่านพ่อ เอกCS23 เด็กพีค พี่แจ้CS พี่นพดล ญาติฝั่งแม่ บัวลองดี4 พี่นัดPS พี่ก้องRL พี่เมษ์RL พี่น้อง ไกรกานต์ แก๊งYWC9-H พี่บีมAmarit น้อง(around)เมย์ พุทจิ พี่ก๊อง พี่เอี๊ยมCS วิป เอิ้นCS23 พี่น้ำพรพิมล SPD-RTD(พี่นก พี่แบรด น้องพลอย พี่พัช น้องแพรว) แก๊งเกรียนเหมียว(พี่ทราย พี่ล๋ง เจ้หงุ่น พี่หญิง พี่หนึ่ง หยก พี่ป่านทิงก้า) พี่ดาวสุขใจ เฮียคัง พี่เซี้ยงCS พี่โก้HR น้องFam แก๊งywcouting พี่เจ๊ทRL ส้มนิยะดา พี่อาร์มRL พี่โจCS เพิ่มPS เวลล์ ลองดี4(ปีโป้ ปอย เมย์ จัมโบ้) พี่อ้อยJantorn พี่โอแจสซี่ พี่อ้อมMediacomSG  พี่นนนี่ วิทโอ๋ น้องแนนSET พี่จ๋าSunsanee พี่นำรัก พี่ก้องโอแม็ค พี่เจ๊กจังก้า แบงค์กิต น้องพัชรพล พี่มะไห่ พี่เผ่า พี่ตูนPS เก่งลองดี4 ผึ้ง พี่คี พี่ปุ้ยมติชน เก้าสิราโพ้บ เดียร์CS23 พี่Prathan หมีแดงณภัทร วิทวิท พี่อิมRL พี่พัทMS ใหม่วิภาดา พี่ทรายแจงจิต เดอะดุ๊ก ทีน ต้นนักปั่น พี่ยุ้ยออลซีซั่น เอสุวชัย คุณปลาJB ส้มโอดลRL
// นิวปี้ พี่ปอมYakkie พี่อ้อมอัญ เอ็มUX พี่นาวินRL ป้านาง น้องน้ำเย็น พี่ปุ้ยดวงใจ พี่เวตสร้างฝาย พี่บิ๊กสุขุม

ขอบคุณที่คิดถึงกันนะคะ
(ขอบคุณ Feature ของ Facebook ด้วยก็ได้)

เริ่มเขียนคืนวันที่ 28 เสร็จสิ้น 29, 23.32 น.

ความคิดเห็น

  1. โอ้โฮ ลิสคนอวยพรมาหมดทุกช่องทางเลยแฮะ ขยันแท้ 555+

    ตอบลบ
  2. ก้าวต่อไปเจ้าเปี๊ยก สู้ๆ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประสบการณ์ตรงกับการโดน Facebook บังคับเปลี่ยนชื่อ ทำอะไรไม่ได้นอกจาก "รอ"

สองชั่วโมง สองที่เที่ยว ด้วย เรือหางยาว เจ้าพระยา

น้องนีโม่ กับ โรคฉี่หอม