miniCamp #YWC - การบริหารจัดการทีม การแบ่งงาน

ภาพจากน้องเปา

เมื่อวาน (8 Apr) ได้รับเกียรติจากน้องๆ ทีมจัดงานกิจกรรม miniCamp YWC โดยมีน้องบอส #10 เป็นตัวแทนมาเทียบเชิญ (เมื่อวันที่ 1 Apr) ให้ไปเป็น Guest Speaker ให้น้องเด็กรุ่น 14 ใน Session วิชาการ เรื่อง การบริหารจัดการทีม การแบ่งงาน เวลา 13.00-13.45 น. ตอนแรกก็ลังเลว่าจะไม่รับ เพราะช่วงนี้งานตัวเองก็หนักหนาเหลือเกิ๊น (ลืมไปแล้วว่าการใช้ชีวิตช่วงเย็นหลังเลิกงานเป็นยังไง) แต่น้องบอสก็ใช้ Skill อ้อน (เรอะ?) เลยหลวมตัว ตกปากรับคำไปว่าจะสอนให้ จากนั้นก็ถอนหายใจเฮือกๆ ว่าจะเอาอะไรไปสอน 55+

พอรับงานมาแล้ว ก็เริ่มจากการนอน (เห้ย ไม่ใช่สิ) ก็เริ่มเขียนๆ สิ่งที่อยากจะสอนลงในสมุดก่อน มีความเป็น Bullet point คิดอะไรออกก็เขียนๆ ลงไปก่อน พยายามเค้นหาประสบการณ์ที่มีในตัวทั้งหมด (เอาจริงๆ ก็ไม่ค่อยจะมีหรอก 55+) จริงจังขนาดที่ว่า "เก็บเอาเรื่องนี้ไปฝัน" แต่บางไอเดียก็ได้มาตอนที่สะลึมสะลือเลยนะ ธรรมดาที่ไหน?

กว่าจะได้ฤกษ์ทำ Slide ก็ปาไปวันที่ 6 Apr ตอนกลางคืนละ (วันจักรี) ขณะที่กำลังจะลงมือทำก็ยังมีความไม่มั่นใจในไอเดีย Workshop ที่อยากให้น้องๆ ได้ลองทำ ก็เลยทักไปปรึกษา "เสือ" เสือได้ให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมมา (ซึ่งดีมาก) จากนั้นก็ไหลยาว กลายเป็นอัปเดตชีวิตการทำงานกันเฉ้ยยยยยย (อย่างนี้ก็ได้เรอะ) กว่าจะโม้กันจบ กว่าจะได้ทำ Slide จริงจังก็เป็นเวลาที่ The Mask Singer กำลังจะจบ (วันนี้ไม่มีอารมณ์ดูเลยขร่ะ) ค่ะ!! ก็ทำ Slide มันตอนนี้เนี่ยแหละค่ะ นั่งปั่นไปสองสามชั่วโมง ก็ไม่เสร็จ (ฮา) เอาไว้มาต่อละกันเนอะ

ตัดภาพมาที่ 7 Apr (วันทำงาน) ขณะที่มีเวลาว่างจากการ on site ลูกค้า (เพราะรอ process อื่นที่เราไม่ได้เป็นคนรับผิดชอบ) ข้าพเจ้าก็เปิด keynote มาทำ Slide ต่อค่ะ ตอนนี้ไฟเริ่มลนละ แม้จะง่วงแค่ไหน ก็ต้องทำให้เสร็จเนอะ 55+

แล้วก็ผ่านไปอีกคืน เอาจริงๆ Slide ก็เสร็จแล้วแหละ แต่ๆ ยังไม่ได้ดั่งใจ แปดโมงเช้าของ 8 Apr ก็ตั้งปลุกตัวเองขึ้นมา แล้วมาปรับ Slide อีก (รู้สึกอยากปรับมันตลอดเวลา จะสอนน้องได้เรื่องไม๊ 55+) เริ่มมีความจิตตก สติเสีย เพราะเป็นคนพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง (ฮา) พี่ปุ้ม Nicha ก็ได้ให้กำลังใจเป็นประโยคสวยๆ ว่า "ถ่ายทอดความพริ้วให้ถึงที่สุดซะ" มีคนเชื่อมั่นในตัวเราขนาดนี้ มันช่างน่าชื่นใจ (หรือเค้าแอบด่าเรานะ? 55+)

ระหว่างทางนั้นก็เลยคิดว่า ถ้าเอาชื่อเล่นของตัวเองมาสร้างความหมาย มันจะเป็นคำอะไรได้บ้าง? ก็เลยตั้ง Status เล่นซะหน่อย ฮี่ (ยังจะไร้สาระก่อนการสอนได้อีก)

https://www.facebook.com/priw.parimaspd/posts/10154692998802762?pnref=story

วาร์ปกลับมาที่เวลา 11.30 น. เดินทางออกจากคอนโดของพ่อ (แถวราชภัฏพระนคร) ความสนุกเริ่มตั้งแต่ ขึ้นรถตู้ที่เขียนป้ายว่าไป ม.ราม (และมีคนเต็มคัน) ด้วยความที่เข้าใจว่ามันจะวิ่งเส้นพหลฯ รัชดาฯ ลาดพร้าวอะไรงี้ เปล่าจ้า นางวิ่งตรงไปทางรามอินทรา (เฮือก) แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีที่น้องผู้ชายที่นั่งข้างๆ กัน ถามว่า "พี่เคยมาแถวนี้หรือเปล่าครับ พี่จะไปไหน" จากนั้นก็บอกเส้นทางการต่อรถตู้ให้อย่างละเอียด เราลงพร้อมน้องที่ป้ายเซ็นทรัลรามอินทรา ขอบคุณน้องไปอีกที แล้วก็ข้ามสะพานลอยไปฝั่งตรงข้าม ขึ้นรถตู้อีกคันที่เขียนว่าไปเดอะมอลล์งามฯ โดยก่อนขึ้นรถครั้งนี้ถามก่อนเลยว่า ผ่านแยกเกษตรไม๊ พอเค้าบอกว่าผ่าน ก็ขึ้นได้อย่างสบายใจ จากนั้นก็ไปลงที่ ม.เกษตร (เริ่มใจชื้นละ ถิ่นเก่า 55+) กะว่าถ้าไม่เจอรถตู้ที่น้องผู้ชายบอกว่า "คันที่เขียนว่าไป อสมท" ก็จะ Taxi แล้วค่ะจุดนี้ แต่ดูเวลาที่เพิ่งผ่านไป 30 นาที ก็คิดว่ายังทันอยู่ รอไม่นานนัก รถตู้คันดังกล่าวก็มาเทียบป้ายพอดี แน่นอนว่าก่อนขึ้นรถ ต้องถามคนขับเพื่อความแน่ใจอีกทีก่อนว่า ผ่าน MRT รัชดาฯ ใช่ไม๊คะ จากนั้นรถตู้คันที่สามของเราก็ค่อยๆ คืบคลานผ่านรถติดตรงแยกรัชโยธิน ก่อนจะวิ่งฉิวในเส้นรัชดา และพาเรามาถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ก่อนเวลาสอนตั้งเกือบ 1 ชั่วโมงแหนะ (เย้)

มีน้องเด็กมา 8-9 คนได้ (จากที่ลงทะเบียนเกือบ 20 คน - น้องหายไปไหนกันหมดคะลูก?) แต่ก็สบายละ น้องสามารถนั่งเป็นวงกลม ให้พี่เล่าความแก่ให้ฟังเลยก็ได้นะ #ผิด

เริ่มสาระเลยดีกว่า (หลังจากที่บ่นมาหลายย่อหน้า)

1. แนะนำตัวนะฮะ (ข้ามไปเร็วๆ)

2. วันนี้เราจะทำอะไรกันบ้าง

3. เรื่องแรกที่อยากบอกน้องๆ คือ การจะทำงานด้วยกันได้ดี เราต้องรู้และนึกอยู่เสมอว่า คนเราไม่เหมือนกัน ขนาดกรุ๊ปเลือดยังมีตั้ง 4 กรุ๊ป (ไม่นับพวก Rh- Rh+ เนอะ) แล้วแต่ละคนมาจากบ้านที่ต่างกัน มันก็ต้องมีความแตกต่างมากมายอยู่แล้ว รู้จักตัวเอง รู้จักเพื่อนให้มากพอ เข้าใจความต่างในจุดแข็งและบุคลิกลักษณะของเพื่อนแต่ละคน จากนั้นก็ Put the right man on the right job เลือกคนให้ถูกกับตำแหน่งงาน ถ้าเรารู้ว่าเพื่อนเป็นคนที่ชอบเก็บงานละเอียด อยู่เงียบๆ จะให้เพื่อนไปเป็นฝ่าย PR ก็อาจจะไม่ถูกจริต หรือถ้าเอาเพื่อนที่ถนัดด้านงานกิจกรรม เอนเตอร์เทนคน มาทำบัญชีก็ไม่น่าจะรอด จากนั้นก็แบ่งทีมทำงาน จัดโครงสร้างให้เหมาะสม เวลาทำค่าย เราอยากให้ level ของ org chart มันน้อยๆ จะแบ่งหลายๆ ขั้นเหมือนบริษัทใหญ่ไม่ได้ แต่จะให้แบนราบเลยก็ไม่ได้ ต้องยอมรับว่าในแต่ละเรื่องควรมี lead คอยดูแล แต่ที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องเห็นภาพเดียวกันว่าเราจะทำอะไร สร้างความเข้าใจที่ตรงกันก่อนลงมือทำงานใดๆ แค่เพียงประโยคเดียวที่มีความคลุมเครือ สามารถให้ความหมายที่ต่างกันไปได้หลายสิบแบบ ให้รู้ตัวเสมอว่าเรากำลังทำอะไร เพื่ออะไร ตั้งเป้าให้ชัดเจน แล้วทำตามแผนที่วางไว้นั้น

4. โลกปัจจุบันนี้มีเครื่องมือสื่อสาร เครื่องมือช่วยจัดการงานในออนไลน์ให้เราใช้เยอะมากกกก เลือกให้เหมาะสมกับความต้องการของเรา ให้เหมาะกับเนื้องานของเรา ไปตกลงกันเอาเองว่าจะใช้อะไร ทำยังไงให้เพื่อนเห็นข้อมูลที่เท่ากัน เห็นข้อมูลล่าสุดเสมอ
อย่างตอนรุ่น 9 ทำค่าย ก็เหมือนจะมีแค่ fb messenger, fb groups, google drive (docs, sheet นี่ใช้เยอะสุด) ก็ยังรอดกันมาได้เลย 55+

5. อันนี้แอบสอนวิธีคิดว่าเวลาได้งานมาแล้วต้องทำยังไงต่อ จริงๆ น่าจะต้องบอกน้องว่าให้ "ตั้งสติ" 55+ จากประสบการณ์ส่วนตัวเราว่า 6 ข้อประมาณนี้ จะช่วยให้งานเดินหน้าได้ดี การแตกงานออกมาเป็นชิ้นเล็กๆ ทำให้เราเห็น Task ว่าเราต้องทำอะไรบ้าง จากนั้นค่อยๆ ขีดฆ่าสิ่งที่เราทำเสร็จออกไป (เวลาขีดฆ่าจะรู้สึกดีมาก นี่พูดเลย) พยายามคิดเยอะๆ คิดให้รอบด้าน ว่าถ้ามีอันนี้แล้วต้องมีอันนั้นไม๊ แล้วอันนู้นล่ะ ย้ำคิดย้ำทำ คิดวนไปเรื่อยๆ ค่ะ
ที่ขาดไม่ได้เลยคือ ต้องกำหนดคนรับผิดชอบ และกำหนดส่งงานที่แน่ชัด เพื่อให้เราสามารถคุม Timeline ได้ และแน่นอนว่า การมี Plan B เป็นเรื่องสำคัญมาก เวลาทำค่าย สมมติว่าเรามีช่วงกิจกรรมที่ให้น้องๆ ทำ Outdoor แล้ววันนั้นฝนตก! ออกไปกลางแจ้งไม่ได้ จะทำยังไง? ต้องมีแผนสำรองเสมอ เมื่อถึงเวลาจริงจะได้ไม่ลน อันนี้อาจจะต้องฝึก skill เรื่องมองโลกในแง่ร้ายไว้เยอะๆ ป้องกันไว้ก่อนยังไงก็ดีกว่าแก้ไขนะจ๊ะ

6. ให้ลองคิดดูว่า ถ้าเราจะทำเว็บไซต์ค่ายเนี่ย ใครต้องทำอะไรบ้าง มีงานอะไรบ้างในก้อนกลมๆ ที่เรามองไม่เห็น ให้น้องๆ ช่วยกันตอบดู ทำให้น้องๆ รู้ว่า คำว่า Content เนี่ย ไม่ใช่แค่ "ก็เนื้อหาในเว็บทั้งหมด" แต่ต้องแยกออกมาเป็นกี่เมนู กี่รายละเอียด ฝั่ง Design ต้องทำงานอะไรบ้าง นอกจากทำ Theme, Mood&Tone หรืออย่างโดเมนที่เรามีอยู่แล้ว ถ้ามันจะหมดอายุต้องทำยังไง แจ้งเรื่องไปที่ใคร Server จะใช้อะไร ใช้ที่ไหน Config ยังไง ค่อยๆ เขียนมันออกมา แตก Task ออกมาให้ละเอียดที่สุด อันที่จริงอยากจะสอนน้องทำ Sitemap แต่เวลาน่าจะไม่พอ 55+

7. เราอ่านหนังสือเจอวิธีการจด Note แบบ The Cornell เราว่ามันดีมาก คือแบ่งออกเป็น 3 ช่อง เราขอเรียกมันว่า ช่อง Core idea, Detail, Summary (และ Next Step) ถ้าตอนเรียนได้รู้จักสิ่งนี้ คงเรียนได้ดีกว่านี้อ่ะ 55+
ส่วนด้านขวา เป็นประสบการณ์ที่ได้จากการทำงาน เมื่อจบการประชุมที่ต้องมีการไปทำงานกันต่อ เราต้องสามารถระบุได้ว่า ตอนน้ีเนี่ยเรากำลังทำอะไรอยู่ จะทำอะไรต่อ จะเสร็จเมื่อไหร่ และรับผิดชอบโดยใคร
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ทำยังไงก็ได้ให้คนที่ไม่ได้เข้าประชุมกับเราอ่านแล้วรู้เรื่อง สามารถไปทำงานส่วนที่เค้ารับผิดชอบได้ เพราะนี่จะเป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับการทำค่าย เพื่อนหลายคนที่อยู่ต่างจังหวัดไม่สามารถมาประชุมแบบเห็นหน้าเห็นตากันได้ สิ่งที่ต้องทำคือ ทำให้ทุกคนอ่านแล้วเข้าใจตรงกัน

8. ส่วนหน้านี้เป็นความโรคจิตส่วนตัว ชอบให้ทุกอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย หาเจอง่ายๆ เร็วๆ เวลาเอางานไปใช้ต่อจะได้ไม่เกิดความผิดพลาดเพราะการหยิบไฟล์ผิด (แล้วเดี๋ยวจะพังยาว) เลยอยากจะฝากน้องๆ ไว้ว่า ตั้งชื่อโฟลเดอร์ ตั้งชื่อไฟล์อะไรให้มันดีตั้งแต่ต้น นอกจากเราจะหาเจอได้โดยง่ายแล้ว คนที่มาต่องานจากเราก็จะสบายด้วย

9. กลัวน้องจะง่วงกัน ก็เลยหาอะไรมาให้เล่นซักหน่อย ขอบคุณ "เสือ" ที่ช่วยเป็น TA ในส่วนนี้ ตั้งแต่ช่วยตบโจทย์ ช่วยทำสลาก ช่วยคุมเวลา และแถมด้วย การต่อเวลาให้น้อง 2 นาทีในการ Brainstorm และทำงานต่ออีก 3 นาที หลังจากรอบแรก ที่ผ่านไป 10 นาทีแล้วไม่รอด (ฮา)

10. อันนี้คือสลากทั้งหมดที่ List มา ก็มีความเยอะระดับหนึ่ง จริงแล้วๆ ไม่ได้คาดหวังว่าน้องจะทำเสร็จออกมาเรียบร้อยหรอก (มันยากไป๊) เราอยากให้น้องได้เรียนรู้จากการทำจริง ปัญหาที่เจอจริง อย่างที่น้องๆ ได้ตอบว่าปัญหาคือ เวลาจำกัด อุปกรณ์ไม่พร้อม (เพราะให้ใช้มือถือ มีคนที่มีคอมอยู่คนเดียว) เทคโนโลยีที่เลือกใช้มีบัค ไม่ได้คุยกันว่าใครจะทำอะไร หรือแม้แต่ไม่รู้จะทำอะไร (ก็เลยได้แต่ส่ง Sticker โง่ๆ - พี่ชอบความจริงใจนี้ 55+)

11. ปัญหาที่น้องได้เจอทั้งหมดวันนี้ มัน(น่า)จะเป็นสิ่งที่ต้องเจอแน่ๆ เพราะเรามีโอกาสเจอกันตัวเป็นๆ น้อยมาก เราทำค่ายกันด้วยการทำงานผ่านออนไลน์กันเป็นส่วนใหญ่ อยากให้น้องๆ จำปัญหาทั้งหมดที่เจอในวันนี้แล้วป้องกันให้มันเกิดขึ้นน้อยที่สุดในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ไม่พร้อม (เพราะฉะนั้นเวลาประชุมกัน ก็เตรียมคอมกันมา หรือจะใช้วิธีจดอะไรก็แล้วแต่) ไม่ได้คุยกันว่าใครจะทำอะไร (ถ้าแบ่งงานกันดี ก็จะไม่เกิดปัญหานี้เนอะ) หรือไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร (ทำไมเพื่อนถึงไม่รู้ว่าตัวเองต้องทำอะไร เพราะเพื่อนไม่อ่านที่เราอัปเดต หรือเราไม่เคยอัปเดตเพื่อน?)

12. สุดท้ายละ นี่เป็นสิ่งที่เราได้รับจากการทำค่ายกับเพื่อนรุ่น 9 ให้น้องๆ YWC10 (ถึงขั้นไปขุด Blog เก่าๆ ของตัวเองมาดูเลยว่าตอนนั้นรู้สึกอะไรบ้าง) รวมถึงประสบการณ์การทำงานของตัวเองที่ผ่านมา (ถึงแม้จะไม่กี่ปีก็เถอะ) คนเราทำงานด้วยกันยังไงมันก็ต้องมีกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา คนทำงานแล้วโดนด่าก็เป็นเรื่องธรรมดา (ถึงแม้ตอนโดนจะนอยด์มากก็เหอะ) ทุกสิ่งที่เราเจอล้วนเป็นประสบการณ์ หล่อหลอมให้เราเข้มแข็งขึ้น แกร่งขึ้น สตรองขึ้น ^^

ขอบคุณสถานที่: Efrastructure Group
ขอบคุณพลังกาย พลังใจ พลังงาน จากทีมงานผู้จัด miniCamp ทุกคนด้วยจ้ะ :D

ตอนแรกก็ว่าจะไม่เขียน Blog หรอกนะ แต่หลังจากสอนจบแล้วรู้สึกว่าตัวเอง "พูดไม่รู้เรื่อง" เลยคิดว่ามาเขียนเก็บไว้น่าจะดีกว่า (ยังไง๊ยังไง ก็รู้สึกว่าตัวเองสื่อสารเป็นตัวอักษรได้ดีกว่าการพูด -_-")

ภาพจากน้องเปา และพี่ว่าน

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประสบการณ์ตรงกับการโดน Facebook บังคับเปลี่ยนชื่อ ทำอะไรไม่ได้นอกจาก "รอ"

น้องนีโม่ กับ โรคฉี่หอม

สองชั่วโมง สองที่เที่ยว ด้วย เรือหางยาว เจ้าพระยา