เบญจเพส เดือนเกิด และเลขสี่

เป็นเรื่องต่อเนื่องกันจาก Blog คราวที่แล้ว ว่าออกจาก mInter แล้วไปไหน... มีพี่ๆ เพื่อนๆ หลายคนถามมาว่าเกิดอะไรขึ้น มันก็มีหลายปัจจัยที่ทำให้เลือกเส้นทางนี้ล่ะนะ ยังสบายดีค่ะ ยังโหดและดุเหมือนเดิม (เล่นตัวเองทำไม) ขอบคุณพี่ๆ หลายคนที่มาถามด้วยว่า ทำอะไรอยู่ ไปทำงานกับพี่ไม๊ แหม่ นี่ถ้าว่างงานก็คงไปสัมภาษณ์ในทันทีเลยค่ะ ^^" ไว้ถึงเวลา ถ้าดวงเราผูกกันมา คงทำให้เราได้ไปทำงานด้วยกันนะคะ


ตอนนี้ก็ยังอยู่สาย Digital Agency ล่ะนะ มาอยู่แถว BTS อารีย์ อันที่จริง Office ไม่ได้ติดแนว BTS หรอก ต้องนั่งพี่วินมอไซค์เข้าซอยมาอีก 15 บาท (คือสามวันแรกที่มา เจอราคา 25, 20 บาทงี้ พอรู้ความจริงแทบจะจิกหัวตัวเอง ทำไมถึงทำกับชั้นด้า...ย)

Effective Date ที่ออกจาก mInter คือ 30 Jun แต่ใช้ Vacation Leave วันที่ 29-30 ไป ทำให้มีวันหยุดติดต่อกัน 4 วัน แล้วก็มาเริ่มงานที่ใหม่ 1 July เลย
ทำให้รู้ว่าเวลาพักที่มี...มันไม่พอเลยจริงๆ ครั้งหน้าหนูจะไม่ทำแบบนี้แล้วค่ะ T T

มาถึงวันแรกก็โดนรับน้องเลย ไม่ว่าจะเรื่องโปรแกรมต่างๆ ข้อกำหนดของออฟฟิศ วิธีการทำงาน และ Transfer งาน 2 Accounts ภายในเวลา 3 วัน! (คือพี่ PM เก่าที่นี่จะออกวันที่ 3 July) นี่มันหนีเสือปะสิงโตหรือไงเนี่ย ว๊อททท ตอนที่เรามาทำงานแรกๆ เราต้องชิว เราต้องกลับบ้านเร็วกันไม่ใช่เหรอ แล้วนี่มันอัลไลลลลลล โอเค ไม่เป็นไร ค่อยๆ เรียนรู้กันไป จดมันเข้าไป เราจะต้องรอด สู้!

อ่อ... ที่ช็อคมากคือที่นี่ PM = PM + AE + Social Monitoring นะจ๊ะ เป็นสามคนในร่างเดียว ถ้าไม่ร่วงไปซะก่อน แล้วรอดไปได้คือ Skill จะ Level Up มากนะ ขอพลังอำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยลูกน้อยตาดำๆ ด้วย > <"

บ่ายวันที่ 3 ลางร้ายก็เริ่มปรากฏ เมื่อมีโทรศัพท์และอีเมลจากลูกค้าพูดเกี่ยวกับเรื่อง Bad Press in Digital Platform เราก็ search หาข้อมูลเบื้องต้นแล้วตอบอีเมลกลับไป ดูเหมือนเรื่องจะเงียบ แต่มันเป็นที่มาของพายุใหญ่ต่างหาก

หัวค่ำวันนั้นเอง มี Group Line หนึ่งโผล่ขึ้นมา เราเรียกกันว่าเป็น War Room แค่เห็นชื่อก็ช็อคแล้วจ้า แล้วอะไรก็ไม่รู้ดลใจให้แบกคอมกลับบ้าน ทั้งๆ ที่เพิ่งจะมาทำงานได้ 3 วัน ... การเอาคอมกลับบ้านคือที่มาของปัญหาแน่ๆ #มันใช่เรอะ

วันที่ 4 ของการทำงาน (แน่นอนว่ามันคือวันเสาร์) ช่วงเช้ามี Con call กับลูกค้า ขณะที่นั่งรอคิวหมอฟันอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช บ่ายนั่งหาทางจัดการสิ่งที่อยู่ใน Youtube ที่ต้องทำคือ การเอา Account ของ Brand เข้าไป Comment ใน Video ของ User

ปัญหาคือ Comment เท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น ลองเอา Acoount ตัวเอง Comment กลับขึ้นทันตา

หาวิธีอยู่นานมากกกกกกกก ใช้เวลาไปครึ่งวัน กวนพี่ๆ ที่ทำงานใหม่ ด้วยการส่งข้อความเข้าไปใน Line Group ขอคำปรึกษารัวๆ

...คนที่เพิ่งมาใหม่สามวันทำการ เปิดตัวกันแบบนี้นี่เอง #มันใช่เรอะ (ได้ลงไปแนะนำตัวอย่างเป็นทางการก็กลางเดือนเข้าไปแล้วจ้ะ ใช้งานเค้าไปเกือบหมดละ T T)

ความฉลาดที่ได้มาจากการตรากตรำหาวิธีอยู่หน้าคอม จนพลังชีวิตแทบหมด คือ

Copy ของแบรนด์ที่จะให้ไป Comment น่ะ มันมี Link ...คือมี Link ปุ๊บ มันบอกว่าเป็น Spam !!! จะโผล่ให้คนเห็นได้ ต้องให้เจ้าของ Video ไป Approve หลังบ้าน (แล้วตรูจะไปติดต่อ User ได้ยังไงไม่ทราบ โวะ) ลองเปลี่ยน . เป็น dot ก็ไม่รอด สุดท้ายเลยต้องบอกลูกค้าไปว่า ขอเอาอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ xxx ออกนะคะ ส่วน copy ยาวเหยียดนั่น ใส่ให้หมดเลยค่ะ (วันจันทร์ต่อมา คนที่ทำงาน YouTube โทรมาหาด้วยนะ เพราะมีพี่คนนึงส่งอีเมลติดต่อเค้าไป แต่วันเสาร์อาทิตย์เค้าไม่ทำงานไง พอคุยไปคุยมา ถึงได้รู้ว่าเค้าก็ไม่รู้วิธีแก้ เพราะเค้าอยู่ฝ่าย Ads ตรึ่งงงงง บายยยยยยส์)

กลับมาที่คืนวันอาทิตย์ ก็นั่ง Capture สิ่งที่เจอใน Digital Platform ใส่ Presentation จ้ะ ชีวิตดี๊ดี (ขอให้ออกเสียงแบบใส่อารมณ์ตามไปด้วย)

เรื่องน่าตกใจต่อมาคือ พอเราเข้ามา 5 วัน (ทำการ) พี่หัวหน้าทีม SP ก็ลาออก แล้วอีกสองวันต่อมา พี่หัวหน้าทีม PM ก็ไปด้วย พอมาถึงครึ่งเดือนพี่ในทีม PM อีกคนก็ไปตาม เดี๋ยวนะ ทุกคนเพิ่งมาอยู่เดือนกว่าๆ เองนะ ทำไมหนีเรากันไปหมดเลย T T

ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ชีวิตก็ลุ่มๆ ดอนๆ อาจเป็นเพราะมาเจอ 1 Account ที่มีแคมเปญ ขึ้นวันที่ 22 July ด้วย นอกจากรับงานต่อแบบงงๆ แล้ว ยังต้องทำให้แคมเปญขึ้นตรงเวลา มีข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด

แต่ก็คิดไปเองทั้งนั้น... งานไหนถ้าราบรื่น งานนั้นก็ไม่ใช่งานแล้ว #กรีดร้องในใจอย่างบ้าคลั่ง

พอแคมเปญขึ้นปุ๊บ บรรดา User ก็เฮละโลเข้ามาทำให้ชีวิตพังปั๊บ
เรื่องเทคนิคบางเรื่องแก้ได้ก็รอดเลย บางเรื่องแก้ยากหน่อยแต่ถ้าทำเสร็จก็จบไป
แต่เรื่องอารมณ์ ความหลงตัวเอง ความดราม่า ความเกรียนไม่มีที่สิ้นสุดนี่มันแก้ยากชะมัด จิตจะพังหมด อยากจะเอาหัวโขกโต๊ะรัวๆ แต่ก็กลัวเลือดจะท่วมก่อน โอเคตั้งจิต ตั้งสมาธิ ถ้าไม่ไหวก็ออกไปเดินสักพัก แล้วกลับมาประสาทเสียใหม่ #ติดลูปมาก

แล้ว User บางคนมั่นมากด้วยนะ มั่นใจตัวเองสุด ถึงขั้นโทรศัพท์มาหา Call center ของลูกค้า แล้วลูกค้าส่งต่อมาให้เรา คุยกันอยู่นานถึงได้รู้ว่าปัญหาที่เค้าเจอคืออะไร ตลอดเวลาที่คุยกัน เค้ามั่นมาก ใส่อารมณ์กับเราตลอดเวลา คือนี่คนนะไม่ใช่ขี้ข้า แต่ก็ต้องสะกดคำพูดร้ายๆ ไว้ไง ตอนนี้ใส่หน้ากากแบรนด์อยู่ เดี๋ยวลูกค้าจะเสียหาย นอกจากเค้าจะบ่นรัวๆ แล้วดันมาพูดว่า "ระบบคุณเสถียรหรือเปล่าเนี่ย" อื้อหืออออออ ผมนี่ขึ้นเลย น้ำเสียงนี่เปลี่ยนจากใสๆ เป็นดาร์คทันที (ตอนนั้นเผลอกำหมัดด้วยนะ ถ้าอยู่ต่อหน้าสงสัยบุคคลนี้จะโดนต่อยไปแล้ว) ตอบไปสั้นๆ "เสถียรค่ะ" แล้วนิ่ง อยากพูดอะไรเชิญ เอาตามสบาย มีปัญหาอะไรก็คุยกันดีๆ อย่ามาพูดจาแมวๆ อย่ามาว่าทีมเรา ทีมเราทำงานเหนื่อยขนาดไหนกว่าจะได้งานมา ตลอดเวลาที่แคมเปญขึ้นก็แทบจะดูกันตลอด 24/7 อย่ามาพูดจาดูถูกใส่แบบนี้ มันไม่โอเค
แต่สุดท้ายเรื่องนี้ก็จบลงแบบที่เราชนะใสๆ รู้สึกดีมากที่หาทางออกได้ หาหลักฐานไปยืนยันได้ แถมยังได้ Educate ให้เค้ารู้จักคำว่า Allow Application เพิ่มขึ้นด้วย (Allow Application ไม่ใช่การ Like post หรือ Like Page นะคะ) เราไม่ได้ใจดี ไม่ได้หาทางแก้ปัญหาให้ User หรอกนะ มันเป็นผลพลอยได้เฉยๆ อันที่จริงเราอยากพิสูจน์ให้เห็นว่าเค้าคิดผิดต่างหากที่มาว่าระบบเรา พอเอาเรื่องจริงไปบอกได้ เค้าก็เงียบไปเลย ... ขอโทษกันสักคำอะมีไม๊ หึ! เข้าใจหัวอกคนเป็น Call Center แบบชัดแจ้งก็วันนี้

มีประโยคนึงที่ติดอยู่ในหัวมานาน จำไม่ได้ว่าใครสอนไว้ เค้าบอกว่า คนเป็น PM ต้องดูแลทีม ต้องปกป้องทีม เพราะฉะนั้น อย่ามาว่าทีมเราแบบแมวๆ ถ้าไม่มีเหตุผลหรือหลักฐานที่พิสูจน์ได้รองรับ

ความพีคมันอยู่ที่ แคมเปญขึ้นวันแรกนอกจากจะโดน User นับร้อยถล่มแล้ว ดันมีเรื่อง Standard โผล่มา ทั้ง Domain, Server บลาๆ คำถามคือ... ทำไมถึงมาโผล่วันนี้ ฮืออออ จะให้ค้นเมลหลักฐานอะไรก็ไม่มีซักอย่าง เค้าเพิ่งมาทำงานนะ อย่าเอาเรื่องมาถาโถมใส่เค้านักสิ T T

แม้กระทั่งวันเกิดของเราเอง ก็เป็นวันที่ต้องทำงานหนักสุด มันคือวันที่ 4 นับจากท้ายเดือน คือมันมีปัญหานี้มาตั้งแต่วันอาทิตย์ แต่เราก็ทิ้งมันไว้ ไม่ได้ทำอะไร ตามที่ลูกค้าต้องการ แต่เรื่องมันก็หนักขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งวันที่ 4 นับจากท้ายเดือนนี้ที่หาทางออกได้ แน่นอนว่า แบกคอมกลับบ้านเช่นเคย ฉลองวันเกิดจนดึกด้วยการนั่งแก้ปัญหาสิ่งนี้ ดี๊ดี (กรุณาใส่อารมณ์)


  • ถึงแม้มันจะเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดูช้าไปหน่อย
  • ถึงแม้มันจะทำให้เกรียนครึ่งร้อย (ที่ไม่ฟังอะไร ที่ไม่มีเหตุผล และมีบางส่วนที่หยาบคาย) มาถล่มแฟนเพจ
  • ถึงแม้จะมี User ตัวจริงมาดราม่า
  • ถึงแม้มันจะทำให้เราหน้าเป็นตูดตลอดสองสามวันที่มีเรื่อง


แต่มันก็เป็นทางออกที่ Positive ต่อ Brand มากๆ การที่เราใจเย็นหน่อย แล้วทำตาม Protocal, Legal ของลูกค้า ทำให้เราเห็นทางออกแบบ Soft Soft ที่ไม่ได้ทำร้ายจิตใจใคร ไม่ได้หักดิบใคร จบที่แบรนด์ออกมาดูดี ถึงแม้จะโดนสร้างกระแส(แบบแปลกๆ) แต่ก็ได้ Traffic (จากพวกเกรียน) เยอะน่าดู
สงสารก็แค่ Server และพี่ที่ดูแลโปรเจคนี้ ... ทำงานหนักเหลือเกิน

4 วันแรก กับ 4 วันท้ายของเดือนเกิด
ที่ได้เรียนรู้ Reputation Management แบบเต็มรัก

หรือนี่จะเป็นเพราะ เบญจเพส อย่างที่ใครๆ ว่ากัน...

เอาไงเอากันล่ะนะ ใครที่ปีนี้เจอเลข 25 เหมือนเรา ก็มาสู้ไปด้วยกัน


เป็นกำลังใจให้คนที่ชอบหาเรื่องใส่ตัวอย่างเราด้วยนะ

^ ^

ความคิดเห็น

  1. สู้ๆ แล้วพรุ่งนี้เราจะแข็งแกร่งขึ้น(หรือเปล่า)^^"

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว สู้!!!

      ลบ
  2. ชีวิตมาถูกทางเระ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. หวังให้เป็นอย่างนั้นอยู่

      ลบ
  3. คำตอบ
    1. ถ้าไม่หมดแรงกลางทางซะก่อน

      ลบ
  4. หะหะ หนักหน่วงจิม ๆ สู้ ๆ นะเธอ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประสบการณ์ตรงกับการโดน Facebook บังคับเปลี่ยนชื่อ ทำอะไรไม่ได้นอกจาก "รอ"

น้องนีโม่ กับ โรคฉี่หอม

สองชั่วโมง สองที่เที่ยว ด้วย เรือหางยาว เจ้าพระยา