บันทึกการเดินทาง: สุกในบ่อน้ำแร่ แช่ทะเลจนผิวไหม้ ไม่ได้ไปไหนไกล ก็แค่ "พม่า" เอง

คำเตือน: Blog นี้ภาพเยอะมาก กรุณาเชื่อมต่อ Wifi

การเดินทางครั้งนี้เป็นทริปสั้นๆ (อีกแล้ว) ที่มีสปอนเซอร์ใจดีในทุกส่วนของชีวิต "Redlab" นั่นเอง ง ง ง ง ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยรถทัวร์ส่วนตัว 2 ชั้นจากกรุงเทพฯ ไปยังที่พักในตัวเมืองจังหวัดระนอง ที่มีบ่อน้ำแร่และสระว่ายน้ำใหญ่โตให้เล่น การเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ในพม่าด้วยรถตู้สองคัน และที่ขาดไม่ได้เลยคือ Speed Boat ทรงพลัง!

เราเริ่มต้นกันวันที่ 10 พ.ย. 2559 เวลา 19.30 น. ที่ปากซอยอารีย์สัมพันธ์ 9 รถทัวร์คันใหญ่โตเดินทางเข้ามาในซอยอารีย์ได้อย่างไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าขาออกที่จะไปถนนพหลโยธินนั้นทุลักทุเลพอตัว มีรถหลายคันหยุดให้เราไปก่อน และก็มีรถหลายคันที่ดันทุรังจะผ่านเราไปให้ได้ (ทั้งๆ ที่รู้ว่ามันไปไม่ได้ วู้ววว) ที่ประทับใจที่สุดคือ มีรถเก๋งสีขาวคันนึงยอมโยกไปมาสุดพลัง แอบรถตัวเองเข้าไปที่หน้าบ้านของใครคนหนึ่ง เพื่อให้มีที่ว่างเพียงพอให้รถตู้ที่ประจันหน้ากับรถทัวร์ของเราสามารถมีพื้นที่ถอยหลังไปได้ อยากจะ"กราบ(รถ)" พี่เค้าโดยที่ไม่ต้องมีใครมาสั่ง

~การเดินทางของฉันและเธอคือการเรียนรู้ การเรียนรู้ของฉันและเธอคือความเข้าใจ~

การเรียนรู้แรกเลยคือ ต่อให้เลือกที่นั่งมาทางด้านหน้าก็ไม่ช่วยให้นอนหลับสนิทบนรถทัวร์ที่กำลังวิ่งดุ๊กๆ ไปบนถนนได้แต่ประการใด (เคยมีประสบการณ์นั่งด้านหลังแล้วรถโยกจนนอนไม่หลับ)

การเรียนรู้ที่สองคือ รถใหญ่นี่มันขับช้าชะมัด งื้อออ มีการแวะพักเป็นระยะเพื่อให้ทุกคนได้อิ่มท้อง และทำธุระห้องน้ำให้เรียบร้อย แวะพักทีก็ตื่นมาที (ต่อให้ไม่ลงไปก็เถอะ)


หลังจากวูบมาเป็นระยะบนรถที่แอร์เย็นจัดและห่อตัวเองยังกับดักแด้ (ดีนะที่คว้าเสื้อกันหนาวมาด้วย) เราก็เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทาง ขณะนี้เป็นเวลา 05.15 น. เป็นเช้าวันศุกร์ที่ 11 เดือน 11 อากาศเย็นสบายอย่างไม่น่าเชื่อ แล้วก็สะลึมสะลืออย่างเหลือเชื่อด้วย


หลังจากที่พวกเราค่อยๆ พาร่างซอมบี้ลงมาจากรถ ก็ได้รับการแจกจ่ายกุญแจให้ไปอาบน้ำอาบท่า โดยห้องอาบน้ำมี 3 ห้อง ให้ผู้หญิง 2 ผู้ชาย 1 (อาบอย่างเดียว) นอกนั้นให้ใช้ชีวิตในห้องน้ำตรง front กับห้องประชุมที่โรงแรมเปิดให้พวกเราเป็นพิเศษ ตอนที่ล้างหน้าแปรงฟันที่ front ให้ความรู้สึกเหมือนทัวร์ลงปั๊มน้ำมันมาก 55+ ส่วนใครที่ยังไม่ได้คิวอาบน้ำก็สามารถกินข้าวเช้าก่อนได้ ห้องอาหารที่นี่เปิดตั้งแต่ 06.00 น. เลย 

07.30 น. เรากลับมาขึ้นรถกันอีกครั้ง เพื่อออกเดินทางไปยังฝั่งพม่า ระหว่างการเดินทางลุงไกด์ได้อธิบายถึงประวัติความเป็นมาของเมืองระนองให้ฟังอย่างคร่าวๆ 

พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอชู้เจียง) อดีตเจ้าเมืองระนอง เป็นคนจีนที่มาตั้งรกรากที่นี่ ตอนแรกทำอาชีพปลูก-ขายผัก ท่านเก็บผักตอนเย็น แล้วเดินข้ามเขาตอนกลางคืนไปขายในตลาดตอนเช้า ทำให้ผักสดมีคุณภาพ ท่านเจ้าเมืองมีลูก 6 คน ซึ่งได้เป็นเจ้าเมืองภาคใต้ทั้งหมดในช่วงนั้น 

ระหว่างนั้นรถทัวร์ของเราก็ได้ผ่านภูเขาระฆังทองเป็นสุสานของท่านเจ้าเมืองระนอง บริเวณสุสานเป็นที่ดินที่ได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 บริเวณสุสานปูด้วยศิลา 3 ชั้น สองข้างมีตุ๊กตาแกรนิตโบราณนำมาจากประเทศจีน ประกอบด้วยรูปขุนนางจีนฝ่ายบู๊ ฝ่ายบุ๋น รูปม้า รูปแพะ รูปสิงห์โต

อ่านเพิ่มเติม: 
ใช้เวลาไม่นานนัก แปดโมงตรงเราก็มาถึงท่าเรือ ที่นี่เราต้องยื่นเอกสาร (ที่ทางไกด์ทำเรื่องไว้ให้แล้ว) พร้อมกับบัตรประชาชน เพื่อทำการผ่านแดน



ที่ทำการเปิดช่องเดียว เพราะฉะนั้นแถวงูก็ค่อยๆ ไหลไปอย่างใจเย็น ผ่านไป 30 นาที เมื่อทุกคนเรียบร้อยดี ก็เดินด๊อกแด๊กบนสะพานปูนยาวสีขาว เพื่อลงเรือไปยังเกาะสอง ประเทศพม่า ถึงแม้เราจะใช้เวลาในเรือเพียงครึ่งชั่วโมง พลังความดีดอันเหลือเฟือก็ทำให้เราเดินไปเดินมา ถ่ายรูปวนกันไปค่ะ (ทำยังกะไม่เคยเห็นทะเล ฮาาาา)


กว่าเราจะได้ขึ้นรถตู้ฝั่งพม่าก็เป็นเวลา 09.15 น. ที่ใช้เวลามากกว่าคนปกติเพราะว่าแก๊งเรามี Arun ผู้ถือ Passport อยู่หนึ่งคน เลยเจอระเบียบการมากกว่ามนุษย์บัตรประชาชนแบบเราๆ

รถที่พม่าเค้าเป็นรถพวงมาลัยขวา แต่ก็ยังขับรถชิดขวาอีก (เวลาแซงกันทีนี่จะบ้าตาย) ระหว่างทางไกด์ก็เล่าเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของพม่าให้ฟัง จับใจความเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
  • ต้นอองตายี (ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกไม๊) หรือที่ประเทศเราเรียกว่าต้นคริสต์มาส เป็นต้นไม้สำคัญทางพุทธศาสนาของประเทศพม่าเค้าเลย พระท่านจะใช้กิ่งและใบของต้นนี้ในการพรมน้ำมนต์ 
  • อองซานซูจี (ไม่แน่ใจว่าระหว่างทางได้ผ่านบ้านของท่านหรืออะไรเนี่ยแหละ)
  • ความเก่งกาจของท่านบะยินนอ (บุเรงนอง) และความเกี่ยวของกับไทยในเรื่องของพระสุพรรณกัลยา
  • เขตเมืองจะมีระยะประมาณ 3 ไมล์ นอกนั้นจะเป็นเขตสวน
  • ผลผลิตของที่นี่คือ ยางพารา น้ำมัน หมาก ทานาคา (ต้องเป็นต้น single ไม่มี branch ด้วยนะถึงจะดีจริง)
  • ทานาคา ดีต่อผิว ไม่เป็นฝ้า 
  • ชะอวย ใช้แต้มสิว 
  • วัดสามไมล์ เป็นเขตชุมชนประมง
  • การเก็บหมาก เมื่อเสร็จ 1 ต้น จะแกว่งต้นให้โยกแล้วโดดไปอีกต้น เมื่อเก็บหมดจึงจะลงจากต้น
  • สนามบินก่อตอง สามารถบินไปย่างกุ้งได้
  • หลวงพ่อหวาย
  • เกาะพม่ามี 850 เกาะ
10.00 น. เราก็เดินทางมาถึง "เมืองมะลิวัลย์" สถานที่แรกที่เราได้เข้าไปทำความรู้จักคือ บ่อน้ำแร่ธรรมชาติ ที่นี่มีบ่อน้ำแร่ (ร้อน) ให้เอาเท้าไปจุ่มได้ (หรือจะลงไปเดินเล่นก็ได้) โดยอุณหภูมิ 3 บ่อไม่เท่ากัน มีตั้งแต่ 40 ไปจนถึง 50 องศา เรามีความสามารถลงไปได้แค่ 2 บ่อ บ่อสุดท้ายกัดฟันสู้ไปได้ไม่ถึง 30 วินาทีจะตายเอา เหมือนเข็มทิ่มจี๊ดๆ เข้าไปในทุกอณูของรูขุมขน


จากนั้นก็เดินทางไปสักการะเจดีย์ทรงพุทธคยา ณ วัดไทยมะลิวัลย์ เป็นวัดเล็กๆ ที่เพิ่งสร้างขึ้น น่าเสียดายที่เราไม่เจอหลวงพ่อ ลุงไกด์บอกว่าหลวงพ่อชอบไปอยู่ที่ย่างกุ้ง


ต่อด้วยวัดเซตาอู (วัดเจดีย์ทอง) หลวงพ่อ (เป็นคนมอญ) เลี้ยงเด็กกำพร้า/ด้อยโอกาสเอาไว้กว่า 300 คน ทุกคนต้องวิปัสสนา นั่งสมาธิไม่ว่าจะศาสนาใดก็ตาม ที่สำคัญคือท่านส่งเรียนจนจบมหา'ลัยเลยด้วย


เนื่องด้วยความหิวและเวลาที่เราล่าช้ากว่ากำหนดการจึงไม่ได้ไปเที่ยวน้ำตกมะลิวัลย์ แต่มุ่งหน้าไปกินข้าวกลางวันเลยที่ Victoria cliff hotel กับข้าวที่จัดเตรียมไว้น้อยไปนิด พี่โน้ตเลยจัดไข่เจียวให้ทุกโต๊ะเพิ่มไปเล้ยยยยย


หลังจากกินข้าวเสร็จ ก็มีบางส่วนไปเดินชมห้องพัก (เผื่อว่าจะมาพักที่นี่) ส่วนเราขอตายอยู่แถว Lobby ละกันนะ อากาศร้อนเกิ๊นนน รู้สึกจะละลาย เอาจริงๆ อาหารที่นี่ก็ไม่ถูกปากเท่าไหร่ แฮ่ม 

13.30 น. เราก็เดินทางมาถึงสถานที่ต่อมา ศาสนสถานวัดปิดอร์เอ (วัดชเวดากอง) นมัสการพระบรมสารีริกธาตุ และเทพทันใจ ทริคของการเดินถอดรองเท้าที่นี่คือ ห้ามเหยียบกระเบื้องสีแดง (มันร้อนมาก) ให้เหยียบกระเบื้องสีขาวนะจ๊ะ

กับพี่อ้อแอมพิ ถ่ายด้วย GoPro5

ดอกไม้กำละ 10 บาท เอาไว้สักการะเทพทันใจ

เทพทันใจ

พระประจำวันเสาร์ (ที่นี่ไม่ใช่ปรางค์นาคปรกแฮะ)
หลังจากที่เราเดินทางออกจากวัดมาได้ไม่นาน ลุงไกด์ก็บอกให้พี่คนขับจอดรถ (ชิดขวา) แล้วพาเราไปรู้จักกับคุณป้าผู้ขาย "ขนมอาโป" อยู่ข้างทาง (มีคนท้องถิ่นมาต่อคิวซื้อกันหลายคน) เป็นขนมที่ทำมาจากกะทิ ต้องกินตอนร้อนๆ ซึ่งกินไปก็บ่นว่าร้อนไป แต่ก็อร่อยดีนะ เป็นของแปลกในชีวิต (ถ้าทิ้งไว้ให้มันเย็น กลายเป็นไม่อร่อยอีก)



ขอบคุณภาพจากพี่นาวิน
จากนั้นเราก็ไปเป็นชะโงกทัวร์กันที่อนุสาวรีย์พระเจ้าบุเรงนอง ท่ามกลางแสงแดดช่วงบ่ายสองโมงที่แผดเผาไปทั่วทั้งร่าง (แต่ถ้าให้ถ่ายรูปก็ยิ้มได้เสมอนะฮะ :P)

ขอบคุณภาพจากพี่น้อย

ก่อนจะไปเดินซื้อข้าวของพื้นเมืองในตลาด เราแวะกันที่จุดใต้สุดของ Victoria Point ลงไปแชะๆ check point แล้วรีบวิ่งกลับขึ้นรถ 


ตลาดของที่นี่ทำให้เรารู้สึกถึงตลาดต่างจังหวัด คล้ายกับตลาดแม่สายอะไรแบบนี้มาก ได้ทานาคามา 1 ขวด และขี้ผึ้งทานาคามาอีก 6 ตลับ (ที่ให้ความรู้สึกว่ามันเป็นยาหม่องมากกว่าเจลแต้มสิว) ด้วยความที่มีเวลาเหลือ ไม่มีอะไรทำ (บางส่วนเริ่มจิบเบียร์ชิวๆ กัน) เลยออกไปเดินเล่นคนเดียว รอบตลาดอีก 1 รอบ (เปลี่ยวไปอีก) 

ไปเซลฟี่กับหอนาฬิกา ดูคุณป้าคุณย่าทำอะไรซักอย่างที่มันน่าจะเป็นก๊วยเตี๋ยว เดินทะลุเข้าไปตลาดสด เจอแผงขายปลาตัวบะเอ้ก ก่อนที่จะวนไปสำรวจอีกเส้นทางริมทะเลก็โดนเสียงพี่เจ๊ทเรียกให้กลับไปรวมกับพรรคพวกที่ท่าเรือซะก่อน



ถามว่าไปรวมตัวกันแล้วได้ลงเรือเลยไม๊ ก็ไม่! เพราะว่าเรือ DELAY ขร่าาาาา รอนานมาก ไม่มีอะไรทำหนักมาก เดินไปเดินมา ถ่ายรูปคนอื่นก็แล้ว ถ่ายรูปตัวเองก็แล้ว จะออกไปเดินเล่นที่อื่นก็ไม่ได้ ในที่สุด เสียงสวรรค์จากพี่ไกด์ก็บอกว่า เรือมาแล้วจ้า... ถ้ารอนานกว่านี้อีกนิดจะหลับละนะ 


ตัดกลับมาที่ท่าเรือฝั่งไทยเลยแล้วกันเนอะ ในตอนแรกลุงไกด์ตั้งใจจะพาเราไปที่เที่ยวอีกที่ในจังหวัดระนอง ระหว่างเดินทางด้วยรถทัวร์ มีการแวะปั๊มน้ำมันให้หาซื้อของกิน ด้วยสภาพไร้เรี่ยวแรงของทุกคนพี่โน้ตจึงได้เปิดการเจรจา และสรุปว่าเราจะกลับที่พักกัน เฮ~ ~ ~

ซึ่งขากลับนั้นเราได้เห็นน้ำตกหงาวจากระยะไกล (น้ำน้อยมาก สงสัยว่าลืมเปิดก๊อก) และภูเขาหญ้า ถ้ามีแรงกว่านี้อีกสักนิด สภาพร่างร้อนน้อยกว่านี้สักหน่อย คงจะมีอารมณ์ขอลงไปถ่ายภาพ แสงอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้ากับผืนหญ้าสีเขียว มันดีมากจริงๆ

ถ่ายจากบนรถที่กำลังวิ่งผ่านภูเขาหญ้า
เราเดินทางกลับมาเช็คอินเข้าห้องพักตอนหกโมงเย็น ห้องที่เราพักเป็นวิวสระว่ายน้ำ (และบึงที่แอบเน่า) มีระเบียงด้วยนะ (เพิ่งรู้ว่าบางห้องไม่มี) ถึงแม้จะเดินไกลจากลิฟท์ค่อนข้างมาก ก็ถือว่าทดแทนกันได้เป็นอย่างดี


ด้วยความที่อยากได้รับพลังจากน้ำเย็นมาก จึงหาพวกลงสระว่ายน้ำ ซึ่งได้น้องเบล พี่ขวัญ พี่มาส มาสามคน พอลงมาถึงสระว่ายน้ำเจอเตอร์กับเกมอยู่ก่อนอีก เร็วไปนะ! หลังจากที่ว่ายไปมาในสระว่ายน้ำเย็นแล้วก็ย้ายร่างมาลงบ่อน้ำแร่ โอ๊ยยย ร้อน!!

ร้อนไปร้อนมาได้ไม่นาน พี่วิน Saab ก็ตามลงมาด้วย ส่วน Arun ที่ไม่ยอมลงน้ำ ก็เลยโดนใช้ให้เป็นตากล้องตามระเบียบ ซึ่งบางภาพพี่วินถึงขั้นทนความสามารถของ Arun ไม่ได้ ต้องเอามาเซลฟี่เองทั้งๆ ที่มือเปียกอยู่ 555+ 

ขอบคุณภาพจากพี่นาวิน
รู้ทั้งรู้ว่าพี่โน้ตนัดให้ไปกินข้าวเย็นตอน 19.00 น. ขนาดขึ้นจากน้ำก่อนเวลา 10 นาทีเพื่อไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ยังไปไม่ทันคนอื่นเลย นู๋ขอโต๊ดดดดด T T

ทันทีที่เราจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อย ก็วิ่งลงไปที่ห้องอาหารเพื่อพบว่าทั้งสามโต๊ะเต็มหมดแล้ว! เลยเปิดโต๊ะใหม่ ซึ่งต้องนั่งคนเดียวรอไปค่ะ 555+ จากนั้น น้องเบล พี่วันทานี พี่ขวัญ พี่มาส Saab Arun พี่นาวินก็ตามลงมาในเวลาไล่เลี่ยกัน


อาหารมื้อหลักของวันนี้คือ "ปู" (สดมาก) กินไปสามตัวกว่า ไม่เคยกินเยอะแบบนี้มาก่อนเลย พรุ่งนี้ไม่รอดแน่ๆ เลยช้านนนนน


หลังจากอิ่มท้องก็ขึ้นไปทำภารกิจโยกย้ายลงรูปของวันนี้ ชาร์จแบต Gadget ทั้งหลาย ในขณะที่หลายๆ คนจับกลุ่มตั้งวงรำกัน (มันใช่เรอะ!)
– – – – – – – – – – – – – –
อรุณสวัสดิ์เช้าวันเสาร์ที่ต้องตื่นเช้าอีกเช่นเคย วันนี้เราจะไปดำน้ำกัน โดยนัดหมายล้อหมุนออกจากโรงแรม 07.30 น. (นี่มันเวลาทำงานชัดๆ) ผลกรรมของการกินเยอะแยะมากมายเมื่อวานตามมาทันแบบไม่ต้องร้องขอ ท้องเสียวนไปสองรอบค่ะ แถมยังปวดจี๊ดๆ เป็นระยะ ตอนแรกก็คิดว่าต้องเป็นปูแน่ๆ แต่พอมาคิดดูอีกที เมื่อวานก็กินของแปลกไปเยอะอยู่นะ ขอให้มันไม่ท้องเสียในทะเลก็พอแล้วววว (พอจบวันก็พบว่าร่างกายเชื่อฟังดี ตอนที่อยู่ในทะเล ร่างกายปกติดีมาก)

เราเดินทางด้วยรถทัวร์ไปท่าเรือเดิมเพื่อผ่านแดนอีกเช่นเคย จากนั้นก็นั่งเรือข้ามไปอีกเกาะเพื่อไปรับ Brief จากทีมงาน พอ Brief จบ ทีมสีฟ้า (กรุ๊ปทัวร์อื่น) ก็ได้ขึ้นเรือไป ส่วนทีมสีส้มแบบเรานั้น ก็ยังไม่ได้ขึ้นเรือ เพราะเรือยังไม่มา... 



ขอบคุณภาพจากพี่นาวิน
~~อ้าว เห้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่หน่า ที่บอกว่าจะไม่ต้องรอ ทำไมมันเลททุกทีเลยล่าาาา~~


ก่อนขึ้นเรือเค้าจะให้เราถอดรองเท้าที่สามารถหลุดได้ใส่ถุง มัดรวมกันไว้ แล้วก็รับ Brief อีกทีว่าเราจะไปที่ไหนกันบ้าง และต้องทำตัวยังไง ใครที่ว่ายน้ำไม่เป็นให้รวมกลุ่มกันไว้แล้วเกาะพี่ไกด์ไป (เราเรียกชื่อแก๊งนี้ตามปุ๋ยว่า แก๊งภาระ - ซึ่งแก๊งนี้ได้เห็นของดีเยอะสุดเลยนะ การว่ายน้ำเป็นแล้วไปว่ายเองเนี่ย ได้เห็นของดีน้อยมาก ผมล่ะเบื่ออออออ)

ทริปดำน้ำของเราวันนี้เริ่มต้นด้วยเกาะ Cocks Comb หรือที่รู้จักกันว่าเกาะ(รูป)หัวใจ(มรกต) คือถ้ามีโดรนถ่ายจากด้านบนจะเห็นรูปร่างชัดเจน แต่ถ้าอยู่ภาคพื้นน้ำแบบนี้ก็ไม่เห็นอะไรหรอก เมื่อก่อนที่ตรงนี้เคยเป็นปากปล่องภูเขาไฟ เราเลยต้องว่ายผ่านช่องเล็กๆ ระวังหัวโขก เกาะเชือก ว่ายดึ๊บๆ เข้าไป ทางเข้าน้ำแรงมาก โดนซัดกระเด็นได้ง่ายๆ น้ำใสดี มีปลานิดหน่อย หอยเม่นทะเลอย่างเยอะ โดนพี่ไกด์เตือนให้ลอยอยู่ผิวน้ำไว้ แล้วก็มีแส้ทะเลอยู่ตรงทางที่เราลอดเข้าไป



ไปต่อกันที่ เกาะ Horse Shoe หรือเกาะเกือกม้า เป็นเกาะสัมปทานรังนก ที่นี่เราพบสิ่งมีชีวิตมากขึ้นอีกนิดนึง อย่างน้อยก็เจอนีโม่และบ้านของมันแล้วล่ะหน่า~ มีหอยเม่นก้านย๊าวยาวน้อยกว่าที่เกาะหัวใจนิดเดียว จงลอยตัวเข้าไว้ไม่เช่นนั้นขาและเท้าของเจ้าจะมีภัย


เมื่อดำน้ำจนเหนื่อยก็ต้องแวะกินข้าวกลางวันกันที่เกาะตาฟุ๊ก หรืออีกชื่อคือเกาะดันกิ้น ทรายที่นี่ละเอียดดีมาก แดดก็แสบตามากเช่นกัน อาหารอร่อย โดยเฉพาะไก่ทอด! และเฉาก๊วยเย็นๆ ได้ลองชิมชาพม่าที่นี่ อื้อหือออ หวาน T-T


หลังจากที่กินข้าวเรียบร้อย ทางทัวร์ก็มีเวลาให้เราได้นั่งย่อยอาหารเกือบชั่วโมง แต่ถามว่าจะนั่งเฉยๆ ไม๊... ไม่มีทางอยู่แล้ว ไปเล่นกันเถอะ!


อยู่ดีๆ พี่นาวินก็มีไอเดีย อยากหาเพื่อนเล่นกระโดดปล่อยพลังซูเปอร์ไซย่า ถามอยู่ซักพักเหมือนว่าจะไม่มีใครเล่นด้วย มา! น้องเล่นกับพี่เอง เรื่องไม่ยอมโตนี่เป็นของถนัดอยู่แล้ว 555+

คติง่ายๆ มีอยู่ว่า "จะให้ได้ภาพสวย มันต้องลงทุน(เจ็บตัวบ้าง)" โดดขึ้นไปแล้วจงทิ้งตัวลงมาอย่างเต็มรัก ก้นจ้ำเบ้า กระแทกดังอั้กๆๆๆ อย่าถามว่าจุกไม๊ ขอตอบเลยว่า "มากกกกกก" ถ้าเล่นมากกว่านี้อีกนิดเดียว สิ่งที่กินเข้าไปจะขย้อนออกมาแน่นอน รับรองได้

ขอบคุณการแคปเจอร์ทุกโมเมนต์จากพี่นัทตี้
ปิดท้ายการดำน้ำของทริปนี้ที่เกาะย่านเชือก น้ำใสแจ๋วเลย เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ เยี่ยมจริงๆ ปะการังก็อยู่ใกล้ตัวเรามาก (น้ำมันลดพอดี) ตอนที่ว่ายต้องคอยระวังไม่ให้ส่วนใดของร่างกายไปชนมันเข้า เดี๋ยวมันเสียหาย 

นอกจากปลาหลากหลายสายพันธุ์ เรายังเจอ หมึกคู่!!! ว่ายน้ำตามมันอยู่นานสองนาน เดี๋ยวเดินหน้า เดี๋ยวถอยหลัง สบายใจละได้เห็นของแปลกกว่าปลา 55+ พอว่ายมาจะขึ้นเรือ กระแสน้ำดันแรงมาก เกือบหลุดเข้าไปใต้เรือแหนะ 


หลังจากที่ดำน้ำครบตามกำหนดการ พวกเราก็นั่งโต้คลื่นฝ่าลมแรงเกือบชั่วโมง ตัวกระแทกกับพื้นเรือไปรัวๆ รู้สึกเหมือนไส้จะไหลไปรวมร่างกัน มีความรู้สึกอยากจะอ้วก เลยต้องพาตัวเองออกมาท้าแดดท้าลมอยู่หน้าเรือ 

และแล้วพวกเราก็มาถึงท่าเรือของฝั่งพม่าโดยสวัสดิภาพ พาตัวเองขึ้นรถโดยสารที่ลักษณะของรถเสมือนว่าจะพาเราไปรับจ้างทำงานที่ไหนซักที่ ไปยังโรงแรมแกรนด์อันดามัน (พม่า) 


หลังจากอยู่ในน้ำทะเลมาเกือบทั้งวัน ความดีดก็ยังไม่หมด โดดลงสระน้ำที่โรงแรมอีก (ไม่สามารถอดใจได้เมื่อเห็นสระว่ายน้ำใหญ่ๆ) ลงไปเป็นตากล้องใต้น้ำให้น้องเบล พี่ขวัญ และปุ๋ยๆ 

ภาพนี้น่าจะเป็นฝีมือพี่นาวิน
ว่ายวนไปวนมากับฝนที่ตกปรอยๆ ก็ได้เวลาไปกินข้าวเย็นที่ห้องอาหารวิคทอเรีย แกรนด์อันดามัน ดูพระอาทิตย์ตกไปเพลินๆ มีเวลาว่างให้คนที่ต้องการไปหาความรู้ที่คาสิโน รวมถึง Shop ของรัวๆ ได้ที่ duty free แต่มนุษย์อย่างเราไม่มีความสนใจในทั้งสองด้าน จึงทำตัวเป็นสลอตนั่งแช่ในห้องอาหารซักพัก แล้วก็ย้ายไปนั่งตรงมุม Drink ด้านนอก ซึ่งนั่งได้ไม่นานก็มีสัญญาณเรียกให้ขึ้นรถลงไปท่าเรือเพื่อเดินทางกลับฝั่งไทย ซึ่งขากลับเนี่ยได้นั่ง Speed Boat นาจา เร็วกว่าขามาเย๊อะ!



ช่วงสองทุ่ม กลับมาถึงโรงแรมที่ระนองก็ยังลงไปแช่น้ำแร่ต่ออีก ยัง ยังไม่เลิก เอาให้สุดกันไปข้าง ซึ่งเราพบว่าสมาชิก Redlab ลงไปแช่น้ำแร่คืนนี้กันเยอะมาก (น่าจะเป็นสิบคนได้) คืนสุดท้ายแล้วก็งี้แหละ ซึ่งพี่ไกด์ ลุงไกด์ก็มาแช่ด้วย ได้ความรู้เพิ่มมาว่า น้ำจากที่นี่มาจากบ่อรักษะวารินปล่อยตามท่อมา มีการวัดอุณหภูมิ (แต่ละบ่อมีอุณหภูมิไม่เท่ากัน) ตอนสี่ทุ่มที่นี่เค้าจะปิดบ่อ ล้างทำความสะอาด แล้วปล่อยน้ำเข้ามาใหม่ในวันรุ่งขึ้นตอนบ่ายสามโมง นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าน้ำที่เรามาแช่วันนี้อุ่นกว่าเมื่อวาน 

อีกอย่างคือ การแช่น้ำแร่ที่ดีนั้นเวลาขึ้นไปแล้วไม่ต้องอาบน้ำอีก 7 ชม. เพื่อให้แร่ธาตุซึมซับเข้าสู่ผิว ตอนแรกก็แบบ จะดีเร้อ... แต่นึกขึ้นได้ว่าเมื่อตอนเย็นก็อาบน้ำแบบจริงจังไปแล้ว งั้นคืนนี้ไม่อาบก่อนนอนดูละกัน เผื่อสิ่งดีๆ จะเข้าสู่ร่างกายบ้าง 555+ 

โฉมหน้าผู้ที่กลับถึงโรงแรมแล้ววิ่งลงมาแช่อย่างเร็ว ฝีมือเซลฟี่จากพี่นาวินอีกเช่นเคย
ถามว่าคืนที่สองได้นอนเร็วไม๊? ก็ไม่อยู่ดี -_- นอกจากลงรูปแล้ว ยังมีห่วง my roommate ที่ยังไม่ยอมกลับห้อง ไปๆ มาๆ กว่าจะได้หลับสนิทก็น่าจะตีสองได้ zzZzZzz
– – – – – – – – – – – – – –
วันใหม่ เวลาเดิม ตื่นแต่เช้ามาอาบน้ำ ท้องเสียเล็กน้อย (อะไรนักหนาชีวิตตตต) เก็บของ กินข้าว check out  08.05 น. ล้อหมุน เดินทางกลับ กทม. ค่ะ ฮืออออ ง่วงอะไรเบอร์นี้ 

09.30 น. รถจอดแวะพักในขณะที่ทั้งคันรถกำลังตกอยู่ในภวังค์ แวะซื้อซาลาเปาทับหลี ลูกละ 6 บาท ที่ร้านนี้เค้ามีภาพคิวยาวเหยียดแปะไว้ข้างฝา การันตีความอร่อย (ซึ่งมันก็อร่อยจริงแหละ) 

คิดถึงตอนที่พี่จอมซื้อฝากตอนเกือบสิบปีที่แล้ว เลยไปหลังไมค์ถามพี่จอมมาด้วยความอยากรู้ว่าใช่ร้านเดียวกันไม๊ พี่จอมบอกว่าคนละร้าน ร้านที่พี่จอมเคยซื้อให้นั้นเป็นร้านแรกของระนอง ราคาลูกละ 8 บาท 


ใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงกว่าจะจัดการของพวกเราครบทุกคน ในบ้านมีเด็กชายรัชกร อายุ 2 ขวบ เปิดคอมโชว์ เล่นเกมรถไฟให้ดูด้วย ฉลาดเกินไปแล้วหนูเอ๊ย โตขึ้นเก่งแน่ๆ (ไปหลอกเด็กมา ระหว่างรอคิวห้องน้ำ 55+)


13.10-13.56 น. แวะกินอาหารกลางวันที่เฉี่ยวโอชา 3 จ.ประจวบฯ (รับเฉพาะทัวร์) เคยกินแต่เฉี่ยวโอชา 2 ที่อยู่ริมทะเล เราว่าสาขานั้นอร่อยกว่าหง่ะ T_T


แล้วเราก็เดินทางกันต่อ เส้นทางภาคใต้ช่วงนี้ทำทางเป็นระยะ เจอการจราจรแบบเหลือเลนเดียวอยู่บ่อยครั้ง ทำความเร็วไม่ได้มากนัก รถก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะห่างจาก กทม. ที่ลดลง


เราแวะซื้อของฝากกันที่เพชรบุรี (น่าจะแม่กิมลั้ง - จำชื่อไม่ได้) ความพีคคือท้องเสีย(ไม่มาก)อะเกนแอนด์อะเกน มันต้องเป็นเพราะน้ำทะเลที่กินลงไปหลายอึก และน้ำแร่ที่เข้าร่างผ่านทางรูขุมขนแน่ๆ (มั่วไปเรื่อย)

เมื่อเข้าเขต กทม. เราและชาวฝั่งธนอีกหลายคนก็ใช้สิทธิ์ลงเซ็นทรัลพระราม 2 แทนที่จะไปลง Office เราจับ Taxi ได้คันนึง ซึ่งสามารถเดินทางถึงบ้านหลังคณะที่ไปลง Office เพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น เฮฮฮ~~!!

จบทริปนี้แบบมันส์ คัน ไหม้ ขอขอบคุณ
  • พี่ปู พี่ฮาว ผู้สนับสนุนหลัก  
  • พี่โน้ต แม่งานผู้แข็งขัน
  • zinuzoid สำหรับ GoPro 
  • พี่อิม พี่อ้อแอมพิ ครีมกันแดดระหว่างวันที่ไปทะเล
  • เตอร์ น้องวิน Supporter การบินบนแผ่นไม้และเชือกเส้นหนึ่ง แถมด้วยวีดีโอสโลโมจากเกม
  • พี่นาวิน พี่นัท พี่ขวัญ น้องเบล พี่น้อย พี่อ้อแอมพิ Arun มือกล้องที่ทำให้เรามีรูปตัวเอง
  • พี่ป๊อบ พี่นาวิน สายสัมพันธ์บนรถของคนnoL ระหว่างรอคนอื่นซื้อL
  • พี่เจ๊ท my roommate ที่ไม่ไล่เราออกจากห้อง (ต่อให้ไล่ เราก็ไม่ออก วะฮะฮ่า)
  • พี่กบ พี่ฟู่ฟี่ กับภาพหลุดที่สามารถเอาไปแบล็คเมล์ได้
  • พี่บอย ที่ทำให้รู้ว่าผู้ชายขี้เขินก็มีอยู่จริงบนโลกนี้
  • พี่มาส พี่เบนซ์ พี่วันทานี และ Saab ที่ทำให้เราเข้าถึงพี่ออดพี่ฉ้อยได้บนเกาะกลางทะเล
  • ปุ๋ย คนที่ยอมมาช่วยกินปู (โต๊ะของตัวเอง แต่ยกมาให้โต๊ะเรา) 
ที่สำคัญคือ รอยยิ้มจากทุกคนตลอดการเดินทางของพวกเรา ^_^

#redlabouting2016

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประสบการณ์ตรงกับการโดน Facebook บังคับเปลี่ยนชื่อ ทำอะไรไม่ได้นอกจาก "รอ"

สองชั่วโมง สองที่เที่ยว ด้วย เรือหางยาว เจ้าพระยา

น้องนีโม่ กับ โรคฉี่หอม